หน้าแรก
โรงเรียนสายน้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ ฯ
กลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
สารบัญ
ออกบรรพชา
ชาติกำเนิด ถวายพระนาม ศึกษาเล่าเรียน อภิเษกสมรส ออกบรรพชา
บำเพ็ญทุกรกิริยา ตรัสรู้ ประกาศศาสนา

         สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดความรู้สึกสังเวชและเบื่อหน่ายในความสุข ที่พระราชบิดาพระราชทานให้         ก็เพราะทรงเห็นสิ่งที่เรียกว่า   เทวทูต 4   ระหว่างทางขณะเสด็จประพาสพระราชอุทยานนอกเมืองด้วยรถม้าพระที่นั่ง   พร้อมด้วยสารถีคนขับ  เทวทูตทั้ง  4  คือ  คนแก่  คนเจ็บ  คนตาย  และสมณะ

   ทรงเห็นคนแก่ก่อนในปฐมสมโพธิบรรยายลักษณะของคนแก่ไว้ว่า   "มีเกศาอันหงอก   แลสีข้างก็คดค้อม กายนั้นง้อมเงื้อมไปในเบื้องหน้า    มือถือไม้เท้าเดินมาในระหว่างมรรควิถี    มีอาการอันไหวหวั่นสั่นไปทั่วทั้งกาย
ควรจะสังเวช" ก็ทรงสังเวชสลดพระทัย  เช่นเดียวกับเมื่อทรงเห็นคนเจ็บและคนตายในครั้งที่สอง  และที่
สาม   เมื่อเสด็จประพาสพระราชอุทยาน  ทรงปรารภถึงพระองค์ว่าจะต้องเป็นอย่างนั้น  ทรงพระดำริว่า 
สภาพธรรมดาในโลกนี้ย่อมมีสิ่งตรงกันข้ามคู่กัน   คือ   มีมืดแล้วมีสว่าง   มีร้อนแล้วมีเย็น    เมื่อมีทุกข์ 
ทางแก้ทุกข์ก็น่าจะมี
          ในคราวเสด็จประพาสพระราชอุทยานครั้งที่  4 ทรงเห็นนักบวช  "นุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์
กอปรด้วยอากัปกิริยาสำรวม" เมื่อทรงเห็นนักบวชก็ทรงเกิดพระทัยน้อมไปในทางบรรพชา  ทรงรำพึงในพระทัยที่เรียกอีกอย่างหนึ่ง  ทรงเปล่งอุทานออกมาว่า  "สาธุ  ปัพพชา"  สองคำนี้เป็นภาษาบาลี   แปลให้ตรงกับสำนวน
ไทยว่า  "บวชท่าจะดีแน่"  แล้วก็ตัดสินพระทัยว่า  จะเสด็จออกบวช ครั้นถึงยามสองทรงปลุกนายฉันนะให้ผูกม้ากัณฐกะ เพื่อประทับเป็นพาหนะเสด็จออกบรรพชา
   ม้าพระที่นั่งที่เจ้าชายเสด็จขึ้นทรง  เพื่อเสด็จออกบวชครั้งนี้  มีชื่อว่า  กัณฐกะ  เป็นสหชาติ คือเกิดวันเดียวกับเจ้าชาย เมื่อเจ้าชายเสด็จเข้าใกล้ม้า  ทรงยกพระหัตถ์ขวาลูบหลังกัณฐกะ  เจ้าชายทรงชำนาญในเรื่องม้ามาก  ทรงสามารถสะกดม้าไม่ให้ส่งเสียงร้องได้ จากนั้นก็เสด็จขึ้นหลังกัณฐกะ  บ่ายพระพักตร์ออกไปทางประตูเมืองที่ชื่อ พระยาบาลทวารโดยมีนายฉันนะมหาดเล็กตามเสด็จไปข้างหลัง  วันที่เสด็จออกบวชนั้น  หนังสือปฐมสมโพธิบอกว่าเป็นวัน
เพ็ญเดือน  8   พระจันทร์แจ่มในท่ามกลางท้องฟ้าปราศจากเมฆ พระองค์ทรงมุ่งหน้าสู่แคว้นมคธ   ทรงขับม้าพระที่นั่งไปตลอดคืนไปสว่างเอาที่แม่น้ำอโนมา  ซึ่งเป็นเขตแดนกั้นเมืองทั้ง 3  คือ  กบิลพัสดุ์  สาวัตถี  และไพศาลี 
          ทรงพาม้าและมหาดเล็กข้ามแม่น้ำ  แล้วเสด็จลงจากหลังม้าประทับนั่งบนหาดทราย  อัน
ขาวดุจแผ่นเงิน   พระหัตถ์ขวาจับพระขรรค์แสงดาบ   พระหัตถ์ซ้ายจับพระจุฬา   คือ   ยอดหรือปลาย
พระเกศา กับพระโมฬี   คือ  มุ่นพระเกศา  หรือผมที่มุ่นเป็นมวย  แล้วทรงตัดด้วยพระขรรค์แสงดาบ
เหลือพระเกศาไว้ยาวประมาณ 2  นิ้ว  เป็นวงกลมเวียนไปทางขวา เสร็จแล้วทรงเปลื้องพระภูษาทรงออก  แล้วทรงครองผ้ากาสาวพัสตร์  แล้วทรงอธิษฐานเพศเป็นนักบวชที่บนหาดทรายริมฝั่งแม่น้ำอโนมานั่นเอง
Copyright By : Chalengsak Chuaorrawan Sainampeung School
186 Sukhumwit 22 Sukhumwit RD Khlongtoei Khlongtoei Bangkok Thailand
e-mail address : chalengsak.ch@hotmail.com
Tel; 089-200-7752 mobile
http://www.sainampeung.ac.th