หน้าแรก | ||||||
กลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม |
||||||
สารบัญ | ||||||
พุทธประวัติ | ตรัสรู้ |
ชาติกำเนิด | ถวายพระนาม | ศึกษาเล่าเรียน | อภิเษกสมรส | ออกบรรพชา |
บำเพ็ญทุกรกิริยา | ตรัสรู้ | ประกาศศาสนา | ||
|
โยคีสิทธัตถะ ประทับนั่งไม่หวั่นไหวที่โพธิบัลลังก์ ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ทรงเริ่มบำเพ็ญสมาธิให้เกิดใน พระทัยด้วยวิธีที่เรียกว่าเข้าฌาน แล้วทรงบรรลุญาณ หมายถึง วิธีทำจิตให้เป็นสมาธิ คือ การทำให้จิตแน่วแน่ ไม่ฟุ้งซ่านคิดโน่นคิดนี่อย่างปุถุชนธรรมดา ส่วนญาณคือปัญญาความรู้แจ้ง คือ ฌาน |
แสงสว่างอันเกิดจากแสงเทียนเท่ากับปัญญา พระมหาบุรุษทรงบรรลุญาณที่หนึ่งในตอนปฐมยาม (ประมาณ 3 ทุ่ม= 21.00 น.) ญาณที่หนึ่งนี้เรียกว่า บุพเพนิวาสานุสติญาณ หมายถึง ความรู้แจ้งถึงอดีตชาติหนหลังทั้งของตนและของคนอื่น พอถึงมัชฌิมยาม (ประมาณเที่ยงคืน 24.00 น. ) ทรงบรรลุญาณที่สอง ที่เรียกว่า จุตูปปาตญาณ หมายถึงความรู้แจ้งถึงความจุติ คือ ดับและเกิดของสัตวโลก ตลอดถึงความแตกต่างกันที่เรียกว่า กรรม พอถึงปัจฉิมยาม (03.00น) ทรงบรรลุญาณที่สามคือ อาสวักขยญาณ หมายถึงความรู้แจ้งถึงความสิ้นไปของกิเลส และอริยสัจ 4 คือ ความทุกข์ เหตุเกิดของความทุกข์ ความดับทุกข์ และวิธีดับทุกข์ การได้บรรลุญาณทั้งสามของพระมหาบุรุษนั้นเรียกว่า ตรัสรู้ความเป็นพระพุทธเจ้า ซึ่งเกิด ขึ้นในคืนวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 หลังจากนั้น พระนามว่า สิทธัตถะก็ดี พระโพธิสัตว์ก็ดี ที่เกิดใหม่ ตอน ก่อนตรัสรู้ว่าพระมหาบุรุษก็ดี ได้กลายเป็นพระนามในอดีตหนหลัง เพราะตั้งแต่นี้ต่อไปทรงมีพระนามใหม่ ว่าอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า แปลว่าพระผู้ตรัสรู้ธรรมเครื่องหลุดพ้นจากกิเลสโดยชอบด้วยพระองค์เอง เหตุการณ์ครั้งนี้จึงเป็นที่มหัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง กวีจึงแต่งความเป็นปุคคลาธิษฐานเฉลิมพระ เกียรติพระพุทธเจ้าว่า นำสัตว์ มนุษย์นิกร และทวยเทพในหมื่นโลกธาตุ หายทุกข์ หายโศก สิ้นวิปโยค จากผองภัย สัตว์ทั้งหลายต่างมีเมตตาจิตต่อกันทุกถ้วนหน้า เว้นจากเวรานุเวร อาฆาตมาดร้ายแก่กัน ทวยเทพต่างบรรเลงดนตรีสวรรค์ ร่ายรำ ขับร้อง แซ่ซ้องถวายเป็นพุทธบูชาและกล่าวสรร เสริญพระพุทธคุณกันทั่วหน้า |
Copyright By : Chalengsak
Chuaorrawan Sainampeung School 186 Sukhumwit 22 Sukhumwit RD Khlongtoei Khlongtoei Bangkok Thailand e-mail address : chalengsak.ch@hotmail.com Tel; 089-200-7752 mobile |
|
http://www.sainampeung.ac.th |