หน้าแรก
โรงเรียนสายน้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ ฯ
กลุ่มสาระสังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม
สารบัญ
 
ลัทธิพาณิชยนิยม (Mercantilism)
 
หน่วยที่ 8 เศรษฐกิจระหว่างประเทศ  
  8.1 แนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับการค้าระหว่างประทศ  
     
  ลัทธิพาณิชยนิยม (Mercantilism)
 
  หลักสำคัญของแนวคิดพาณิชย์นิยมพอสรุปได้ดังนี้  
  ทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์ของระบบเศรษฐกิจแบบพาณิชย์นิยม  
     
  หลักสำคัญของแนวคิดพาณิชย์นิยมพอสรุปได้ดังนี้  
     
  1.   ปรารถนาซึ่งความมั่งคั่ง โดยพิจารณาจากโลหะทองคำและเงิน (gold and  silver)  
     
  2.  สนับสนุนความเป็นชาตินิยมโดยเน้นให้ประเทศมีส่วนเกินของการส่งออก และความเป็นชาตินิยมก็หมายความว่า ทางด้านการทหารต้องมีกองทัพที่เข้มแข็ง  
     
  3.  สนับสนุนให้นำวัตถุดิบเข้ามาโดยยกเว้นภาษีและจำกัดการนำวัตถุดิบออกนอกประเทศ นโยบายนี้เน้นการส่งสินค้าออกจำหน่ายแต่ลดการนำสินค้าเข้า ซึ่งเป็นความกลัวสินค้าเข้าหรือเรียกว่า "the  fear  of  goods"  
     
  4.  พ่อค้านายทุนเชื่อว่าการครอบครองและการเอาผลประโยชน์จากดินแดนอาณานิคมโดยการผูกขาดการค้าในดินแดนอาณานิคม จะได้ประโยชน์แก่ตนฝ่ายเดียว  
     
  5.  นักพาณิชย์นิยมสนับสนุนให้มีการทำธุรกิจในประเทศโดยระบบการค้าเสรี  ไม่เห็นด้วยกับการเก็บภาษีภายใน  อากร  และข้อจำกัดในการขนย้ายสินค้า  
     
  6.   นักพาณิชย์นิยมชอบรัฐบาลกลางที่เข้มแข็งที่สามารถควบคุมธุรกิจได้  
     
  7.  นักพาณิชย์นิยมสนับสนุนความมั่งคั่งของชาติ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศจะมีความมั่งคั่ง เพราะในทางปฏิบัตินักพาณิชย์นิยมจะชอบให้มีประชากรจำนวนมาก ประชากรทำงานหนักแต่ค่าแรงถูก และการมีทหารจำนวนมากเพื่อต่อสู้กับศัตรู  
     
            แนวคิดพาณิชย์นิยมรุ่งเรืองมากเพราะการที่อังกฤษอยู่ในระยะของการค้าและการทหารเพื่อหาเมืองขึ้น ตลอดจนการเกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรม ทำให้ผลิตสินค้าได้มาก  จึงต้องส่งไปขายยังประเทศอาณานิคม  คู่แข่งที่สำคัญ  ได้แก่  สเปนและฝรั่งเศส ซึ่งมีกำลังที่เข้มแข็งทั้งทางด้านการทหารและเศรษฐกิจ การมีบรรยากาศสงครามระหว่าง 3 ประเทศทำให้อังกฤษต้องเตรียมพร้อมอยู่เสมอ      โดยเฉพาะอาหารในยามสงคราม การเก็บภาษีอันนำมาซึ่งรายได้เพียงอย่างเดียว      ก็คงไม่เพียงพอ  จึงได้แสวงหาความมั่งคั่งจากการค้าขายในต่างประเทศ  
     
            การแข่งขันการมีอำนาจทางทะเลระหว่าง  อังกฤษ  สเปน  และฮอลันดา ทำให้แต่ละประเทศแสวงหาประโยชน์อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะทางด้านการค้ามีการเอาเปรียบทางการค้ากับชาติอื่นๆ ให้มากที่สุด เพราะว่าการที่การค้าอันนำมา        ซึ่งการได้เปรียบหรือกำไรมากที่สุดจะทำให้อีกฝ่ายหนึ่งได้รับผลตรงกันข้าม คือ      ทำให้อีกฝ่ายเสียเปรียบในทุกๆ ด้าน แต่ต่อมาความเชื่อดังกล่าวนี้ได้รับการพิสูจน์ว่า ที่แท้จริงแล้วการค้าระหว่างประเทศจะเป็นการให้ประโยชน์แก่ทุกๆ ฝ่าย          ลัทธิพาณิชย์นิยมรุ่งเรืองที่สุดในช่วงศตวรรษที่ 16 ซึ่งเป็นระยะต้นของการเข้าสู
"ยุคใหม"
 
     
               จนถึงช่วงศตวรรษที่ 17 - 18  การค้า อุตสาหกรรมเจริญขึ้น การเข้ามาแทรกแซงของรัฐบาล ทำให้เกิดผลเสียมากมาย อย่างหาที่เปรียบไม่ได้กับอังกฤษ เพราะการที่อเมริกาในขณะนั้นเป็นอาณานิคมของอังกฤษ มีการกำหนดข้อห้ามไว้อย่างมากมาย เช่น ห้ามผลิตสินค้าที่เป็นโทษแก่อังกฤษ ผลิตได้เฉพาะที่อังกฤษและแผ่นดินแม่ผลิตไม่ได้              ให้เป็นตลาดสินค้าเมืองแม่
 
     
               ประมาณปี ค.ศ. 1700 - 1760 อาณานิคมได้ขยายตัวและมีประชากรเพิ่ม การค้าระหว่างประเทศอังกฤษกับอาณานิคมมีเพียงครึ่งเดียว แต่อาณานิคมผลิตได้มากขึ้น ในขณะนั้นอังกฤษได้บังคับห้ามมีการส่ง        สินค้าผ้าไปขายที่อังกฤษ ห้ามส่งจากอาณานิคมหนึ่งไปยังอีกอาณานิคมหนึ่ง การส่งสินค้าต้องใช้เรือจากอังกฤษเท่านั้น    
                ในที่สุดอเมริกาทนไม่ไหว จึงปลดแอกออกจากการเป็นอาณานิคมของอังกฤษ ประมาณ ค.ศ. 1776 ลัทธิพาณิชย์นิยมได้รับ การติเตียนมากจากนักปราชญ์ นักเศรษฐกิจ      นักเขียนได้พยายามเขียนถึงการปลดเปลื้องให้พ้นจากการควบคุมของรัฐบาล ในศตวรรษที่ 18  
     
                จึงเห็นว่านโยบายชาตินิยมหรือพาณิชย์นิยมเป็นนโยบายที่ล้าสมัยไม่เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจของประเทศ บรรดาพ่อค้าที่มีฐานะดีจึงแสดงการต่อต้านจนสำเร็จและทำให้ทุกคนในระบบใหม่นี้ได้มีการเห็นแก่ตัวมากขึ้น โดยมีแนวคิดว่า "หากผลประโยชน์ของทุกๆคนดีแล้ว ผลประโยชน์ของประเทศก็จะได้ผลดีด้วย เพราะผลประโยชน์ของชาติคือ ผลรวมของทุกๆ คนนั่นเอง"  รัฐคงมีหน้าที่เพียงการรักษาความสงบภายในและ       ภายนอกรวมถึงการให้ความยุติธรรมต่อประชาชนไม่ควรเข้าไปแทรกแซงในธุรกิจเอกชนแต่อย่างใด   รัฐบาลจึงคล้อยตาม ระบบเสรีนิยม จึงเข้ามาเป็นนโยบายหลัก ของประเทศแทน ลัทธิพาณิชย์นิยม ที่เสื่อมไป  
Copyright By : Chalengsak Chuaorrawan Sainampeung School
186 Sukhumwit 22 Sukhumwit RD Khlongtoei Khlongtoei Bangkok Thailand
e-mail address : chalengsak.ch@hotmail.com
Tel; 089-200-7752 mobile
http://www.sainampeung.ac.th