หน้าแรก
โรงเรียนสายน้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์
กลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
สารบัญ
 
การเผยแผ่พระพุทธศาสนา
    1. คำว่า “บริษัท”  มาจากภาษาสันสกฤตว่า ปริษัท
    2. คำว่า “บริษัท”  มาจากภาษาบาลีว่า  ปริสา    แปลว่า  หมู่คณะ หรือ กลุ่มคน
    3. พุทธบริษัท หมายถึง    กลุ่มคนต่าง ๆ ที่นับถือพระพุทธศาสนา
    4. พุทธบริษัท ประกอบด้วย     
      4.1 ภิกษุ   
      4.2 ภิกษุณี 
      4.3 อุบาสก 
      4.4 อุบาสิกา
    5. คำว่า “ภิกษุ” เป็นภาษา   สันสกฤต   ซึ่งภาษาบาลีเขียนว่า  ภิกขุ
    6. ภิกขุ  หรือ  ภิกษุ   แปลว่า    ผู้ขอ       หรือ  ผู้เห็นภัย
    7. ภิกษุ  มีความหมายว่า  ผู้เห็นภัย หมายความว่า  พระภิกษุเป็นผู้เห็นภัยในสังสารวัฏ  คือ การเวียนว่ายตายเกิด   จึงพยายามปฏิบัติเพื่อให้บรรลุนิพพาน  ซึ่งพ้นจากการเกิดการตาย
    8. ภิกษุ  มีความหมายว่า  ผู้ขอ  หมายความว่า พระภิกษุเป็นนักบวชที่ไม่ได้ประกอบอาชีพ ต้องอาศัยชาวบ้านเลี้ยงชีพ โดยขอปัจจัย ๔ จากชาวบ้าน แต่การขอนั้นไม่ได้ออกปากขอ เพียงแต่แสดงกิริยาอาการให้ทราบว่าขอ
    9. บุคคลที่พระพุทธเจ้ายกย่องว่าเป็นเลิศในด้านต่าง ๆ  เรียกว่า     เอตทัคคะ
    10. พระภิกษุองค์แรกที่พระพุทธเจ้าบวชให้คือ   พระอัญญาโกณฑัญญะ
    11. พระพุทธเจ้าบวชภิกษุองค์แรกในวันขึ้น 15 ค่ำ   เดือน   8    ก่อน  พ.ศ.      45   ปี
    12. วันที่มีพระภิกษุองค์แรกในโลกเรียกว่าวัน       อาสาฬหบูชา
    13. พระพุทธเจ้าบวชภิกษุองค์แรก   ณ  ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน      ปัจจุบันคือ ตำบลสารนาถประเทศอินเดีย
    14. พระพุทธเจ้าบวชภิกษุองค์แรก เป็นการบวชที่เรียกว่า    เอหิภิกขุอุปสัมปทา
    15. การบวชเป็นพระสงฆ์ในปัจจุบัน  เป็นการบวชที่เรียกว่า ญัตติจตุตถกรรม
    16. พระสงฆ์ที่พระพุทธเจ้าบวชให้เป็นองค์สุดท้ายคือ         สุภัททะ
    17. พระสงฆ์ที่พระพุทธเจ้าบวชให้เป็นองค์สุดท้าย เป็นการบวชที่เรียกว่า       ญัตติจตุตถกรรม
    18. พระสารีบุตร ได้รับการยกย่องว่าเป็นเลิศทาง             ปัญญา
    19. พระสารีบุตร  เดิมชื่อ          อุปติสสะ
    20. พระโมคคัลลานะ  ได้รับการยกย่องว่าเป็นเลิศทาง       ฤทธิ์
    21. พระโมคคัลลานะ   เดิมชื่อ    โกลิตะ
    22. อัครสาวกเบื้องขวา ของพระพุทธเจ้า คือ   พระสารีบุตร
    23. อัครสาวกเบื้องซ้าย ของพระพุทธเจ้า คือ  พระโมคคัลลานะ
    24. ภิกษุผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเลิศทางกล่าวขัดเกลาคือ พระมหากัสสปะ
    25. คำว่า  “ภิกษุณี” เป็นภาษา    สันสกฤต    “ภิกขุนี”  เป็นภาษา      บาล
    26. ภิกษุณี หรือ ภิกขุนี  แปลว่า   ผู้ขอ  หรือ  ผู้เห็นภัย
    27. ภิกษุณีองค์แรกในพระพุทธศาสนาคือ  พระมหาปชาบดีโคตมีเถรี
    28. ภิกษุณี ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเลิศในทางมีปัญญามากคือ    พระเขมาเถรี
    29. ภิกษุณี ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเลิศในทางมีฤทธิ์มากคือ    พระอุบลวรรณาเถรี
    30. ภิกษุณี ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเลิศในทางทรงจำพระวินัยคือ    พระปฏาจาราเถรี
    31. คำว่า  “อุบาสก”  แปลว่า  ชายผู้นั่งใกล้   หมายถึง ชายผู้ใกล้ชิดพระรัตนตรัย
    32. การใกล้ชิดพระรัตนตรัยคือ   การยึดพระรัตนตรัยเป็นสรณะเป็นที่พึ่ง
    33. คำว่า  “อุบาสิกา หมายถึง     หญิงผู้ใกล้ชิดพระรัตนตรัย
    34. วัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนาคือ      เวฬุวันวิหาร      อยู่ในแคว้น มคธ
    35. ผู้สร้างวัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนาคือ         พระเจ้าพิมพิสาร
    36. อุบาสกที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเลิศในทางถวายทาน คือ          อนาถบิณฑิกเศรษฐี
    37. อนาถบิณฑิกเศรษฐี  แปลว่า  เศรษฐีผู้มีก้อนข้าวเพื่อคนอนาถา  
    38. พระเจ้าสุทโธทนะเป็น ผู้สร้างวัด  นิโครธาราม  ณ กรุงกบิลพัสดุ์  ในสมัยพุทธกาล
    39. ผู้สร้างวัด  เชตวันวิหาร คือ    อนาถบิณฑิกเศรษฐี 
    40. นางวิสาขาเป็น ผู้สร้างวัด       บุพพาราม   ณ กรุงสาวัตถี  ในสมัยพุทธกาล 
    41. อุบาสกที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเลิศในทางแสดงธรรม คือ        จิตตคฤหบดี
    42. อุบาสกที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเลิศในทางเลื่อมใสในบุคคล คือ ชีวกโกมารภัจจ์
    43. นางวิสาขา  ได้รับการยกย่องว่าเป็นเลิศทาง     ถวายทาน
    44. นางขุชชุตตรา  ได้รับการยกย่องว่าเป็นเลิศทาง สดับตรับฟังมาก
    45. พระอานนท์ ได้รับการยกย่องว่าเป็นเลิศทาง     ความจำ
    46. เสขบุคคล หมายถึง  บุคคลที่ยังต้องศึกษาและปฏิบัติต่อไป เพื่อให้บรรลุมรรคผลชั้นสูงสุดเพื่อตนเองและสามารถรับผิดชอบต่อสังคมได้
    47. อเสขบุคคล หมายถึง ผู้บรรลุมรรคผลชั้นสุง เสร็จกิจที่ต้องกระทำเพื่อตนเอง  เป็นผู้สามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้อย่างเต็มที่
    48. พระอริยบุคคล ที่จัดว่าเป็น เสขบุคคลได้แก่ 
      48.1 พระโสดาบัน   
      48.2 พระสกทาคามี          
      48.3 พระอนาคามี
    49. พระอริยบุคคล ที่จัดว่าเป็น อเสขบุคคลได้แก่   พระอรหันต์
    50. หน้าที่ความรับผิดชอบของพระสงฆ์ที่มีต่อตนเองคือ      บำเพ็ญสมณธรรมให้บรรลุมรรคผล นิพพาน
    51. พระภิกษุที่ได้รับการยกย่องจากพระพุทธเจ้าว่าเป็นเอตทัคคะ 5 สถานคือ   พระอานนท์
    52. เอตทัคคะ 5 สถาน ได้แก่    
      52.1 เป็นพหูสูต   
      52.2 เป็นผู้มีสติ   
      52.3 เป็นผู้มีธิติ  
      52.4 เป็นคติ       
      52.5 เป็นพุทธอุปัฏฐาก
    53. เป็นผู้มีคติ หมายความว่า      เป็นผู้มีแนวปฏิบัติที่แน่วแน่มั่นคง
    54. เป็นผู้มีธิติ หมายความว่า      เป็นผู้มีความเพียรในการทรงจำพุทธพจน์
    55. เป็นพหูสูต หมายความว่า      เป็นผู้ได้ยินได้ฟังมาก
    56. เป็นผู้มีสติ หมายความว่า      เป็นผู้มีความรอบคอบในการปฏิบัติหน้าที่
    57. เป็นพระอุปัฏฐาก หมายความว่า        เป็นผู้ปฏิบัติรับใช้พระพุทธเจ้าไม่ขาดตกบกพร่องตลอดพระชนชีพ
    58. ภิกษุณีได้หมดสิ้นไปหลังการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่    3  ณ  วัดอโศการาม  กรุงปาฏลีบุตรแคว้นมคธ
    59. เหตุที่ไม่มีภิกษุณีในปัจจุบันเพราะ      ไม่มีพุทธานุญาตไว้
    60. พระสงฆ์ในปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นพระสงฆ์ประเภท  สมมุติสงฆ์
Copyright By Chalengsak Chuaorrawan Sainampeung School
186 Sukhumwit 22 Sukhumwit RD Khlongtoei Khlongtoei Bangkok Thailand
e-mail address : chalengsak.ch@hotmail.com
Tel; 089-200-7752 mobile
http://www.sainampeung.ac.th