ลักษณะภูมิประเทศของทวีปอเมริกาเหนือแบ่งออกเป็น
4 ดังนี้
1. เขตเทือกเขาสูงทางตะวันตก
2. เขตที่ราบภาคกลาง
3. เขตหินเก่าแคนาดา
4. เขตเทือกเขาหินเก่าภาคตะวันออก
1.
เขตเทือกเขาสูงทางตะวันตก เกิดจากการโก่งตัวของหินเปลือกโลกที่มีอายุน้อย
เป็นแนวเทือกเขาสลับซับซ้อน
จากเหนือสุดบริเวณช่องแคบเบริ่งต่อเนื่องถึงแนวเทือกเขาแอนดีสในทวีปอเมริกาใต้
ประกอบด้วยแนวเทือกเขาชายฝั่ง ได้แก่ เทือกเขาอลาสกา
ซึ่งมียอดเขาที่สูงที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ ชื่อ แมกคินเล่ย์
มีความสูงถึง6,190 เมตร เทือกเขาโคสท์เรนจ์ เทือกเขาแคสเคต เทือกเขาเซียร์ราเนวาดา
เทือกเขาเซียร์รามาเดรตะวันตก และแนวเทือกเขาตอนใน ได้แก่ เทือกเขายูคอน
เทือกเขารอกกี และเทือกเขาเซียร์รามาเดรตะวันออกในเม็กซิโก ระหว่างแนวเทือกเขาชายฝั่งและเทือกเขารอกกี
ซึ่งเป็นแนวเทือกเขาภายใน มีที่ราบสูงคั่นอยู่หลายแห่ง เริ่มจากเหนือลงมาใต้
ได้แก่ ที่ราบสูงยูคอน ที่ราบสูงบริติชโคลัมเบีย ที่ราบสูงโคลัมเบียสเนค
ที่ราบสูงโคโลราโดและที่ราบสูงเม็กซิโก บริเวณที่ราบสูงโคโลราโด มีลักษณะภูมิประเทศเป็นโกรกธารหุบเหวลึกและมีหน้าผาสูงชันมาก
ซี่งเกิดจากการไหลกัดเซาะของ แม่น้ำโคโลราโด
ทำให้เกิดเป็นภูมิประเทศที่สวยงาม บริเวณที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ แกรนแคนยอน
ในรัฐอริโซนาบริเวณเทือกเขาและที่ราบสูงนี้ ส่วนใหญ่รัฐบาลสงวนไว้ให้เป็นวนอุทยานเพื่อการพักผ่อนและยังเป็นการรักษาต้นน้ำลำธารเอาไว้อีกด้วย
วนอุทยานที่มีชื่อเสียงมากมากคือ เยลโลสโตน
มีพื้นที่กว้างถึง 5.5 ล้านไร่ มีน้ำพุร้อนที่พุ่งสูงมากที่เรียกว่า กีเซอร์
มีจำนวนมากถึง 120 แห่ง
2.
เขตที่ราบภาคกลาง เป็นที่ราบกว้างใหญ่ มีอาณาเขตตั้งแต่มหาสมุทรอาร์กติก
ทางตอนเหนือลงมาจนถึงอ่าวเม็กซิโกทางตอนใต้และอยู่ระหว่างเทือกเขารอกกี
กับ เทือกเขาอัปปาเลเชียน ซึ่งแบ่งออกเป็น 6 เขตดังนี้
2.1
ที่ราบลุ่มแม่น้ำแมกเคนซี อยู่ทางตอนเหนือสุด ระหว่างเขตหินเก่าแคนาดา
กับเทือกเขารอกกี เป็นที่ราบแคบ ๆ
ซึ่งมีอากาศหนาวเย็น จึงเป็นเขตที่มีประชากรอาศัยอยู่น้อย แม่น้ำแมกเคนซีไหลลงสู่มหาสมุทรอาร์กติกบริเวณทะเลโบฟอร์ต
2.2
เขตที่ราบทุ่งหญ้าแพรรีแคนาดา เป็นที่ราบใหญ่อยู่ทางตอนกลางติดพรมแดนสหรัฐอเมริกา
ซึ่งได้แก่มณฑล ซาสแกตเชวัน อัลเบอร์ตา และมานิโทบาเป็นแหล่งปลูกข้าวสาลีที่สำคัญของแคนาดา
2.3
เขตที่ราบรอบทะเลสาบเกรตเลกส์และลุ่มแม่น้ำเซนต์ลอเรนซ์ ประกอบด้วยทะสาบน้ำจืด
5 แห่งได้แก่ สุพีเรียมิชิแกน ฮูรอน อีรี และออนแตริโอโดยทะเลสาบทั้ง 5
นี้มีคลองเชื่อมติดต่อกันหมดน้ำในทะเลสาบนี้ไหลลงสู่แม่น้ำเซนต์ลอเรนซ์ออกสู่มหาสมุทรแอตแลนติกเนื่องจากระดับน้ำในทะเลสาบทั้ง
5 มีความต่างระดับกันจึงทำให้เกิดน้ำตก เช่น น้ำตกในแอการา
ซึ่งอยู่ระหว่างทะเลสาบอีรีและออนแตริโอเป็นน้ำตกที่สวยงามแห่งหนึ่งของโลก
2.4
ที่ราบลุ่มแม่น้ำมิสซิสซิปปี อยู่ทางตอนใต้ของทะเลสาบเกรตเลกส์จนถึงอ่าวเม็กซิโก
แม่น้ำมิสซิสซิปปีมีสาขามากมาย เช่น แม่น้ำมิสซูรี โอไฮโอ เทนเนสซี อาร์คันซอและแม่น้ำแดง
แม่น้ำมิสซิสซิปปี ไหลลงสู่อ่าวเม็กซิโก
2.5
ที่ราบชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก เป็นที่ราบที่อยู่ระหว่างเทือกเขาอัปปาเลเชียนและมหาสมุทรแอตแลนติก
เป็นเขตปลูกยาสูบที่สำคัญ โดยปลูกมากในรัฐแคโรไลนาเหนือ เคนตักกีและเวอร์จีเนีย
2.6
เขตที่ราบเกรตเพลน เป็นเขตที่มีพื้นที่กว้างขวาง ค่อนข้างแห้งแล้ง
เนื่องจากเป็นเขตเงาฝน อยู่ทางตะวันออกของเทือกเขาร็อกกี เป็นเขตที่มีการเลี้ยงวัวเนื้อ
โดยปล่อยให้หากินเอง
3.
เขตหินเก่าแคนาดา หรือแคนาเดียนชิลด์ Canadian Shield หรือ Laurentian Shieldได้แก่ บริเวณรอบ ๆอ่าวฮัดสันจนถึงเกรตเลกส์
เป็นเขตหินเก่าเช่นเดียวกับบอลติกชิลด์ในทวีปยุโรปประกอบด้วยหินเปลือกโลกที่มีอายุเก่าแก่และผ่านการสึกกร่อนมาเป็นเวลาหลายร้อยล้านปี
อากาศหนาวเย็น โดยเฉพาะทางตอนเหนือของเขตนี้ มีธารน้ำแข็งปกคลุม บางแห่งเป็นทะเลสาบที่ตื้นเขิน
มีป่าสนขึ้นแทน ทำให้มีประชากรอาศัยอยู่น้อยส่วนใหญ่เป็นพวกเอสกิโม ซึ่งสร้างที่อยู่อาศัยด้วยน้ำแข็งเรียกว่า
อิกลู Igloo
4.
เขตเทือกเขาหินเก่าทางตะวันออก หรือ เทือกเขาอัปปาเลเชียน หรือ ประกอบด้วยเทือกเขาเตี้ย ๆ ขนานไปกับชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก
ในเขตนี้พื้นที่มีความต่างระดับกัน ทำให้เกิดแนวน้ำตกมากมาย
|