วันอัฏฐมีบูชา ตรงกับวันแรม 8 ค่ำ เดือน 6 เป็นวันที่มีความสำคัญเกี่ยวเนื่องกับวันวิสาขบูชา เป็นที่ทราบกันดีว่า วันวิสาขบูชา นั้นมีความสำคัญเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าคือเป็นวันคล้ายวันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ซึ่งหลังจากวันเพ็ญเดือน 6 ก่อนพุทธศักราช 1 ปีในช่วงชีวิตของพระพุทธเจ้า อันเป็น วันปรินิพพาน เหล่าบรรดาพระสงฆ์สาวกและพุทธศาสนิกชน ก็ได้จัดพิธีศพให้ท่าน โดยมีการถวายพระเพลิงพระพุทธเจ้า ในวันแรม 8 ค่ำ เดือน 6 เราเรียกว่า วันอัฏฐมีบูชา
สำหรับเรื่องราวในตอนที่พระพุทธเจ้าใกล้จะเสด็จปรินิพพานนั้น พระพุทธองค์ทรงให้พระอานนท์ ปูลาดพระบรรทมเหนืออาสนะระหว่างต้นรังคู่ ทรงประทับบรรทมแบบสีหไสยา โปรดสุภัททะปริพาชกเป็นองค์สุดท้าย กล่าว"ปัจฉิมโอวาท" แล้วจึงเสด็จดับขันธปรินิพพาน หลังจากที่พระพุทธเจ้าได้ประทาน ปัจฉิมโอวาท หมายถึง ปัจฉิมวาจา คือ พระดำรัสสุดท้ายของพระพุทธเจ้าก่อนจะปรินิพพานว่า วยธมฺมา สงฺขารา อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ แปลว่า
สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงยังประโยชน์ตนและประโยชน์ผู้อื่น ให้ถึงพร้อม ด้วยความไม่ประมาทเถิด
แล้วพระองค์ก็ได้เสด็จดับขันธปรินิพพาน ใต้ต้นสาละคู่ที่ออกดอกบานสะพรั่งเป็นพุทธบูชา ในเมืองกุสินารา
เมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว คณะสงฆ์และเจ้ามัลลกษัตริย์ ผู้ครองเมืองกุสินารา ก็ได้ทำพิธีสักการบูชาพระศพพระพุทธเจ้าเป็นเวลา 7 วัน 7 คืน จากนั้นจึงเชิญพระบรมศพไปยัง มกุฎพันธนเจดีย์ เพื่อถวายพระเพลิง แต่เมื่อจะจุดไฟเผาพระพุทธสรีระ ไฟกลับจุดเท่าไรก็ไม่ติดเสียที โดยที่เป็นเช่นนั้นก็เนื่องจากว่า พระพุทธเจ้าต้องการรอให้ พระมหากัสสปะ พระเถระชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งได้เดินทางออกไปประกาศพระศาสนาที่นอกเมืองไกลได้มาถวายบังคมพระบรมศพเสียก่อน
ฝ่ายพระมหากัสสปะ ซึ่งกำลังเดินทางไปเผยแผ่ศาสนาพร้อมด้วยพระสงฆ์หลายร้อยรูป ก็ได้พบกับอาชีวก หรือนักบวชนอกศาสนาคนหนึ่งเดินสวนทางมา ในมือถือดอกมณฑารพ ซึ่งเป็นดอกไม้ที่จะออกดอกเพียงสองครั้ง คือเมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้ และเมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพาน ดังนั้น พระมหากัสสปะจึงทราบได้ทันทีว่าพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานแล้ว จึงรีบเดินทางกลับมาเพื่อถวายความเคารพพระบรมศพท่าน
เมื่อพระมหากัสสปะมาถึงแล้วก็ได้เข้าไปเคารพพระบรมศพ โดยทำประทักษิณาเวียนขวา 3 รอบและถวายความเคารพเบื้องพระบาทของพระพุทธเจ้า ทันใดนั้นพระบาทก็ยื่นทะลุหีบแก้วออกมาเพื่อรับการถวายความเคารพของพระมหากัสสปะ และจากนั้นก็ปรากฏว่า ไฟได้ลุกติดขึ้นมาเองโดยที่ไม่มีใครจุด และเผาพระพุทธสรีระจนหมดสิ้น
เหตุการณ์ในตอนที่พระพุทธเจ้ายื่นพระบาททะลุหีบแก้วออกมา เพื่อรับความเคารพของพระมหากัสสปะนี้ ได้ถูกนำมาสร้างเป็นพระพุทธรูปปางหนึ่ง นั่นก็คือปางพระพุทธเจ้าเข้านิพพาน ซึ่งมีลักษณะเป็นหีบศพที่มีเท้ายื่นออกมาด้านนอก และมีพระสงฆ์ไหว้ทำความเคารพอยู่ทางปลายพระบาท
|