หมอชีวก โกมารภัจจ์
ชื่อของหมอชีวก โกมารภัจจ์เป็นที่รู้จักกันดีของคนไทยที่ศึกษาทางด้านแพทย์โบราณ ชีวกโกมารภัจจ์ เป็นพระโอรสบุตรบุญธรรมของเจ้าชาย อภัยราชกุมารแห่งกรุงคฤห์ แคว้นมคธ เจ้าชายอภัยราชกุมาเป็นพระโอรสของพระเจ้าพิมพิสารที่เกิดจากพระสนม
วันหนึ่งเจ้าชายอภัยราชกุมารเมื่อมีอายุอยู่ในวัยรุ่นได้ไปเที่ยวชมมหรสพ แต่พอไปถึงขยะนอกเมืองได้ยินเสียงร้องของเด็กทารกอยู่ที่กองขยะ จึงเดินเข้าไปดูพบเด็กทารกเพศชาย สันนิษฐานว่าคงถูกหญิงขายบริการทางเพศมาทิ้งไว้ จึงนำมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม โดยมั่นใจว่าจะเลี้ยงบุตรคนนี้ให้ดีที่สุด เพราะทรงยึดมั่นในคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่าคนไม่ใช่จะดีหรือชั่วเพราะโคตรหรือตระกูล แต่จะดีหรือชั่วก็ด้วยการกระทำของตนเอง และทรงตั้งชื่อให้ว่า ชีวก โกมารภัจจ์
เมื่อย่างเข้าสู่วัยหนุ่ม ชีวก โกมารภัจจ์ตัดสินใจเลือกเรียนวิชาแพทย์ศาสตร์ เขาได้เลือกเรียนที่ สำนักตักกสิลาซึ่งเป็นแหล่งวิชาการที่ใหญ่ที่สุดในขณะนั้น อยู่ในเมืองหลงของแคว้นคันธาระ ชีวกใช้เวลาเรียนประมาณ 6 7 ปี สำเร็จเป็นนายแพทย์ที่โด่งดัง
หลังจากนั้นนายแพทย์ชีวก โกมารภัจจ์ก็เดินทางกลับกรุงราชคฤห์ สร้างความปิติให้แก่พระบิดาอภัยราชกุมารยิ่งนัก เขาได้บำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ช่วยเหลือผู้คนโดยไม่เลือกชนชั้น วรรณะ ชื่อเสียงของเขาได้แพร่กระจายไปทั่วชมพูทวีป ใครๆก็พูดว่า เขาเป็นหมอเทวดา
หมอชีวกได้ปวารณาตัวรับเป็นหมอประจำของพระบรมศาสดาและพระภิกษุสงฆ์ทุกรูป วันหนึ่งพระเทวทัตได้สมคบกับพระเจ้าอชาตศัตรู วางแผนปลงพนะชนม์พระบรมศาสดา พระเทวทัตขึ้นไปบนเขาคิชฌกูฏ พอเห็นพระบรมศาสดาเสด็จมา จึงผลักก้อนหิน แต่ก้อนหินนั้นไปค้างที่ต้นไม้ใหญ่ แต่สะเก็ดหินกระเด็นไปถูกพระบาทของพระบรมศาสดาทำให้พระโลหิตห้อเลือด หมอชีวกจึงถวายพระโอสถขนานพิเศษ ใช้ผ้าพันแผลเอาไว้ แล้วกราบทูลพระบรมศาสดาว่าเขาต้องรีบไปเยี่ยมไข้คนอื่นตามที่ได้นัดหมายเอาไว้ จะกลับมาเปิดแผลตามเวลาที่กำหนด พอกลับมา ปรากฏว่าประตูเมืองปิดเสียก่อน ทำให้เขากังวลใจอย่างมาก เพราะพระโอสถที่เขาถวายนั้นถ้าเปิดไว้นาน อาจเป็นอันตรายได้ แต่พระบรมศาสดาทรงทราบด้วยญาณว่าขณะนี้อยากแก้ผ้าพันแผลออก พระองค์จึงรับสั่งพะอานนท์พุทธอุปัฏฐานมาแก้ผ้าพันแผล ปรากฏว่าแผลหายสนิท หมอชีวกรีบมาเฝ้าพระบรมศาสดาเมื่อประตูเมืองเปิด และทูลถามพระอาการว่าพระองค์มีอาการเร่าร้อนพระวรกายบ้างหรือไม่ พระบรมศาสดาตรัสว่า ชีวก ความเร่าร้อนทั้งปวงของตถาคตสงบราบคาบแล้วที่ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ความเร่าร้อนย่อมไมมีแก่ท่าน ผู้มีทางไกลอันถึงแล้ว หาความเศร้าโศกมิได้ หลุดพ้นจากอาสาวะ ละกิเลสเครื่องร้อยรัดทั้งปวง
อยู่มาวันหนึ่ง เขาได้มีโอกาสรักษาหญิงชราคนหนึ่ง ได้ทราบภายหลังว่า เมื่อเธอยังสาวๆ มีอาชีพเป็นหญิงบริการทางเพศ เมื่อรักษาเธอนานวันเข้า ทำให้เขาได้รู้ว่า หญิงชราคนไข้ของเขาก็คือมารดาแท้ๆ ของเขาเอง
หมอชีวก โกมารภัจจ์ ดำรงชีพอยู่จนมีอายุเข้าสู่วัยชราแล้วก็ถึงแก่กรรมไปในที่สุด
|