พระเจ้าอชาตศัตรูเป็นอุบาสกบริษัทเอกอัครศาสนูปถัมภ์ในการกระทำสังคายนาครั้งที่ 1 ประวัติกล่าวว่า เมื่อมเหสีโกศลเทวีของพระเจ้าพิมพิสารผู้ครองแคว้นมคธทรงตั้งครรภ์ พระนางทรงแพ้ท้อง อยากเสวยพระโลหิตของพระสวามี ด้วยความรักพระมเหสีและบุตรในครรภ์ พระเจ้าพิมพิสารจึงรองพระโลหิตของพระองค์ไปให้พระมเหสีเสวย บรรดาโหราจารย์ทั้งหลายลงความเห็นว่า ราชกุมารในครรภ์จะเป็นปิตุฆาต(ฆ่าพ่อ) พระนางโกศลเทวี ก็พยายามจะทำแท้งแต่ก็ไม่สำเร็จ พอพระเจ้าพิมพิสารทรงทราบก็ห้ามปรามมิให้พระนางทำเช่นนั้น พอประสูติออกมาเป็นพระโอรส พระบิดาจึงขนานนามให้ว่า อชาตศัตรู
ในวัยเยาว์ พระชนกชนนีดูแลเอาใจใส่เลี้ยงดูเป็นอย่างดีและทรงสถาปนาไว้ในตำแหน่งมกุฎราชกุมาร เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าจะได้เป็นผู้สืบทอดราชสมบัติต่อจากพระบิดา จะได้ไม่คิดปลงพระชนม์พระชนกตามคำทำนายของโหร เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น ทรงเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ และมีสติปัญญาเฉียบแหลม แต่ด้วยอำนาจกรรมเก่า ทำให้ได้รู้จักกับพระเทวทัตผู้ที่กำลังจะแสวงหาผู้ที่จะมาช่วยตนปลงพระชนม์พระบรมศาสดา จึงต้องได้รับการสนับสนุนจากผู้มีอำนาจทางบ้านเมือง ซึ่งพระเจ้าอชาตศัตรูเป็นผู้ที่มีความทะเยอทะยานและขาดประสบการณ์ สามารถชักจูงได้ง่าย ดังนั้นพระเทวทัตจึงทำให้พระเจ้าอชาตศัตรูเกิดความศรัทธา แล้วกล่าวเสี้ยมสอนว่าชีวิตคนเรานั้นไม่เที่ยงไม่แน่ว่าจะได้ครองราชย์สมบัติ จึงควรปลงพระชนม์พระเจ้าพิมพิสารเสีย แล้วขึ้นครองราชย์แทน ส่วนอาตมาก็จะปลงพระชนม์พระศาสดาและทำหน้าที่ปกครองสงฆ์ ขอให้มาร่วมมือกัน พระเจ้าอชาตศัตรูก็หลงเชื่อ และจับพระบิดามาขังและทรมานโดยวิธีการต่างๆจนสิ้นพระชนม์ พอพระบิดาของตนสิ้นพระชนม์พระเจ้าอชาตศัตรู จึงสำนึกว่าได้ทำกรรมอันหนักยิ่ง จึงทรงคิดหาวิธีบำเพ็ญกุศลต่างๆเพื่อลบล้างความผิดให้เจือจางลงไปบ้าง พระเจ้าอชาตศัตรูได้ปฏิญาณตนเป็นอุบาสกบริษัท ตั้งมั่นในคำสอนของพระพุทธองค์ ในด้านการปกครองบ้านเมืองก็ทรงตั้งอยู่ในทศพิธราชธรรมและราชสังควัตถุ ทำให้ทวยราษฎร์อยู่เย็นเป็นสุข เวลามีศึกสงครามก็มีแสนยานุภาพ ปราบปรามอริราชศัตรูจนเป็นที่เกรงขามของแคว้นอื่นๆ แต่เนื่องจากที่พระเจ้าอชาตศัตรูได้กระทำกรรมหนัก คือ ปิตุฆาต จึงไม่สามารถอุปสมบท หรือบรรลุธรรมขั้นสูงได้ จึงเป็นเพียงอุบาสกบริษัทเท่านั้น และพระองค์ได้ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาด้วยดีจนสิ้นพระชนม์
|