โรงเรียนสายน้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ ฯ
หน้าแรก    
กลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
สารบัญ
พุทธบริษัท 4
นางสามาวดี

อุบาสิกา  สามาวดี เดิมชื่อสามาเป็นลูกสาวของภัททวดีเศรษฐีในเมืองภัททวดี ต่อมาในเมืองได้เกิดโรคอหิวาตกโรค
เศรษฐีจึงพาภรรยาและลูกหนีออกจากเมือง และมุ่งหน้าไปหาเพื่อนที่เมืองโกสัมพี พอมาถึงเมืองโกสัมพีเศรษฐี
จึงให้นางสามาไปขอรับอาหารที่โรงทาน อีกสักวันสองวันค่อยไปพบเพื่อนของเขา เธอนำอาหารกลับมากินกับพ่อแม่
พอกินเสร็จอาหารเกิดเป็นพิษจึงทำให้เศรษฐีเสียชีวิต พออีกวันไปรับอาหารที่โรงทานอีกครั้ง พอกินเสร็จแม่ของเธอก็เสียชีวิตอีก
วันต่อมานางจึงไปรับอาหารที่โรงทานอีกครั้ง พ่อครัวใหญ่ได้ต่อว่าเธอหาว่าเธอโลภมาก เธอจึงอธิบายตามความเป็นจริงให้พ่อครัวฟัง
พ่อครัวสงสารจึงรับนางมาเป็นลูก นางสามาได้แก้ไขปัญหาเรื่องโรงทานที่เสียงดังอื้ออึง พ่อครัวจึงตั้งชื่อให้เธอใหม่ว่า “ สามาวดี ”   ฝ่ายโฆสกเศรษฐีเคยชินกับเสียงโรงทานที่ดังพอเสียงเงียบไปเลยสงสัย จึงเรียกพ่อครัวมาสอบถาม พ่อครัวจึงอธิบายตามความจริงให้ฟัง  เมื่อเศรษฐีรู้เรื่องเข้าก็เสียใจที่เพื่อนเศรษฐีของตนตายเสียแล้ว จึงให้พ่อครัวมอบนางสามาวดีให้แก่ตน เศรษฐีได้ตั้งให้นางสามาวดีเป็นลูกสาว พร้อมให้หญิงบริวารไว้ปรนนิบัติ   วันหนึ่งในเทศกาลนักขัตฤกษ์นางสามาวดีพร้อมหญิงบริวารออกจากบ้านไปอาบน้ำที่แม่น้ำ พระเจ้าอุเทนเห็นเข้าจึงส่งสาส์นไปจอนางสามาวดีจากเศรษฐี ตอนแรกเศรษฐีไม่ยอมเพราะยังไม่ได้ถามความสมัครใจของนางสามาวดี พระเจ้าอุเทนจึงให้ทหารไปยึดบ้านเศรษฐี เศรษฐีจึงไม่อาจเข้าบ้านของตนได้ เมื่อนางสามาวดีกลับมาจากอาบน้ำ แล้วเห็นสภาพการณ์เช่นนั้นก็ตกใจ  จึงถามเศรษฐีว่าเกิดอะไร พอทราบแล้วนางจึงให้พ่อไปกราบทูลพระเจ้าอุเทนว่ายินดีมอบลูกสาวให้แล้ว พระเจ้าอุเทนจึงสั่งให้ถอนทหาร และรับนางสามาวดีมาอภิเษกไว้ในตำแหน่งอัครมเหสี นางสามาวดีมีความศรัทธาพระรัตนตรัยแต่นางคันทิยา(มเหสีของพระเจ้าอุเทน) ตั้งตนเป็นศัตรูกับพระพุทธเจ้าเพราะนางเข้าใจว่าพระพุทธเจ้าดูถูกเหยียดหยามตน ที่ตำหนักของนางสามาวดีไม่มีหน้าต่างนางจึงเจาะผนังเพื่อให้เป็นช่องสำหรับส่องดูพระที่เดินไปรับบิณฑบาต เพื่อที่นางจะได้ประนมมือไหว้และรำลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย แต่เมื่อนางมาคันทิยารู้เข้านางจึงไปกราบทูลให้พระเจ้าอุเทนเข้าใจในตัวนางสามาวดีผิดหาว่านางฝักใฝ่บุคคลภายนอก แต่พระเจ้าอุเทนไม่เชื่อนางคันทิยาจึงให้พระเจ้าอุเทนเสด็จไปดูที่ตำหนักของนางสามาวดีเอง พระองค์เห็นว่าที่ผนังมีช่องอยู่จริงจึงตรัสถามหญิงบริวารจึงกราบทูลให้ทรงทราบอย่างละเอียดพระองค์จึงให้ช่างทำหน้าต่าง
ให้หญิงเหล่านั้นเปิดดูพระสงค์ได้สบายมากขึ้น  นางมาคันทิยาจึงโกรธแค้นมากกว่าเก่า จึงคอยให้ร้ายนางสามาวดีต่างๆนาๆ และทำกลอุบายให้พระเจ้าอุเทนคิดว่านางสามาวดีเป็นหญิงชั่ว จนพระเจ้าอุเทนทรงเชื่อ ทรงรับสั่งให้เอาธนูขนาดใหญ่
มาเพื่อยิงนางสามาวดีและหญิงบริวาร แต่นางสามาวดีก็สั่งให้หญิงบริวารอย่าโกรธอย่าโต้ตอบ แต่จงแผ่เมตตา
ให้กับทุกคนทั้งแก่พระเจ้าอุเทนและนางมาคันทิยา และด้วยอำนาจแห่งการแผ่เมตตานั้นทำให้ลูกธนูหวนกลับมาตกที่พระองค์ผู้ยิง
ทำให้พระเจ้าอุเทนได้สติ และทิ้งธนู พระเจ้าอุเทนตรัสถามนางสามาวดีว่า อยากได้อะไร นางจึงกราบทูลว่า “ หม่อมฉันไม่อยากได้ทรัพย์สินเงินทองแต่ขอพระองค์ได้โปรดนิมนต์พระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระสงฆ์ 500 รูป
มารับบิณฑบาตที่นี่เป็นประจำ แล้วหม่อมฉันจะถวายทานแล้วฟังพระธรรม” พระเจ้าอุเทนทรงทำตามที่นางขอ 
ฝ่ายนางมาคันทิยาก็ยิ่งแค้นหนัก จึงร่วมมือกับอาของนางเผาปราสาทของนางสามาวดีพร้อมตำหนักของหญิงบริวาร
โดยเอาผ้าชุบน้ำมันไปวางตามจุดสำคัญ และปิดประตูทางออก แล้วจึงจุดไฟเผาทำให้นางสามาวดีและบริวารเสียชีวิต
ในกองเพลิงทั้งหมด ก่อนตายนางสามาวดีบอกให้หญิงบริวารน้อมจิตทำเวทนาปฏิคคหะกัมมัฏฐาน ทำให้บางคนบรรลุสกทาคามิผล
บางคนบรรลุอนาคามิผล  ระสงฆ์เมื่อรู้ข่าวการตายของนางสามาวดีและบริวารจึงถามพระพุทธเจ้าว่า อบาสิกาเหล่านั้นไปเกิดที่ไหน 
พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า อุบาสิกาเหล่านั้นไม่เป็นผู้ไร้ผลหรอก ย่อมไปสู่สุคติแน่ๆ  ฝ่ายพระเจ้าอุเทนพอทราบว่าไฟไหม้จึงใช้กลอุบายสืบหามือเพลิง พระองค์ทรงทำเป็นชมเชยมือเพลิง ว่าจงรักภักดีดีต่อพระองค์ นางมาคันทิยาจึงรีบเสนอหน้าทูลว่าตนเป็นคนทำและร่วมมือกับอา พระเจ้าอุเทนจึงรับสั่งให้จับบุคคลเหล่านั้นรวมกันแล้วฝังครึ่งตัวแล้วเอาฟางคลุมแล้วจุดไฟเผาทั้งเป็นแล้วเอาไถเหล็กไถกลบอีกทีหนึ่ง  ส่วนนางมาคันทิยาให้ตัดเนื้อโยนเข้ากองไฟทีละชิ้น
ความอิจฉา ริษยา ไม่เคยให้คุณกับใครเลย


Copyright By : Chalengsak Chuaorrawan Sainampeung School
186 Sukhumwit 22 Sukhumwit RD Khlongtoei Khlongtoei Bangkok Thailand
e-mail address : chalengsak.ch@hotmail.com
Tel; 089-200-7752 mobile
http://www.sainampeung.ac.th