หน้าแรก
โรงเรียนสายน้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ ฯ
กลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
สารบัญ
พุทธบริษัท 4
พระกุลฑลเกสีเถรี

นางเป็นธิดาของเศรษฐีตระกูลหนึ่งในกรุงราชคฤห์ แคว้นมคธ  เป็นหญิงที่หน้าตาสวยงาม เป็นที่หมายปองของชายหนุ่มที่ทัดเทียมกันเป็นจำนวนมาก บิดาและมารดาก็หวงลูกสาวมากจึงได้ตามใจทุกอย่าง จนนางนั้นได้ติดนิสัยเอาแต่ใจตนเองมาโดยตลอด   ครั้นเมื่อนางอายุได้ 16 ปี บิดามารดากลัวนางเสียเด็กจึงได้จับให้นางอยู่บนปราสาทชั้น 7 และจัดหญิงรับใช้ไว้อีกมากมายเพื่อเป็นเพื่อนและคอยรับใช้นาง  วันหนึ่งเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้จับโจรตนหนึ่งโบยตีด้วยหวายเพื่อนำไปสู่ประหาร  นางได้ยินเสียงของผู้คนโห่ร้องกันเพื่อที่จะไปดูการประหารชีวิตของโจรผู้นั้น  นางจึงไปดูพอเห็นหน้าโจรนางก็เกิดจิตปฏิพัทธ์อยากได้โจรเป็นสามี  ให้มารดานำเงินไปประกันตัวโจรมาให้  ถ้าไม่ทำจะประท้วงด้วยการอดข้าวจนตาย  และด้วยความรักของผู้เป็นแม่ในที่สุดก็ต้องยอมทำตามคำขอของลูกสาว  และเมื่อได้ตัวโจรมาก็นำไปให้ลูกสาว  เมื่อเวลาล่วงเลยไปไม่มากนักโจรยังไงก็ต้องเป็นโจรวันยังค่ำ   เขาคิดวางแผนในใจอยู่ตลอดเวลาว่าจะต้องหลอกให้หญิงคนนี้ออกไปนอกเมืองและฆ่านางเสียปลดเอาเครื่องประดับ  แล้วหนีไปอยู่ที่อื่นซะเขาเริ่มแผนชั่วด้วยการตีหน้าเศร้า แล้วพูดขึ้นว่า “น้องสาว พี่ถูกจับตัวมาเพื่อจะประหารชีวิตในวันนั้น พี่ได้บนบานไว้กับเทวดาผู้สิงสถิตอยู่บนภูเขาทิ้งโจรว่าขอให้พี่นั้นจงรอดตายด้วยเถิด แต่จนบัดนี้พี่ก็ยังมิได้มีโอกาสไปแก้บนเลยแล้วจะให้พี่นั้นมีความสุขได้ย่างไรเล่า” ธิดาของเศรษฐีจึงได้จัดเตรียมเครื่องเซ่นจะไปแก้บน เมื่อไปถึงนางก็ถามสาม“พี่ไม่รีบมาแก้บนล่ะ” โจรเงียบ แล้วพูดว่าฉันจะฆ่าเธอเสียแล้วปลดเอาของมีค่าเหล่านี้มาเป็นสมบัติของฉันระหว่างนั้น นางก็ฉุดคิดขึ้นว่าเราต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า นางจึงพูดขึ้น“วันนี้น้องต้องตาย น้องขอความกรุณาขอโอกาสกราบไหว้ทำประทักษิณพี่เป็นครั้งสุดท้ายแล้วจะฆ่าน้องก็ฆ่าเถอะ” โจรตอบว่าได้สิ นางขอให้โจรไปยืนบนหน้าผานางกราบไหว้เขาเดินวนรอบตัวโจรแล้วประพันว่า“นี่คงเป็นการกอดครั้งสุดท้าย”เพื่อให้เขาตายใจรอบที่สามนางทำทีเป็นกอดฝ่ายโจรก็ยืนลำพองใจ ด้วยความประมาท พอได้จังหวะก็ผลักโจรนั้นอย่างแรงเทวดาผู้สถิตอยู่บนยอดเขาที่ทิ้งโจร เห็นกิริยาแม้ของชนทั้งสองนั้น จึงกล่าวคำสรรเสริญว่า“ผู้ชายนั้น เป็นบัณฑิตในที่ทุกสถานก็หาไม่ แม้สตรี ผู้มีปัญญาเห็นประจักษ์ ก็เป็นบัณฑิตได้เหมือนกัน” ธิดาเศรษฐี ครั้นผลักโจรลงไปในเหวแล้วก็ตัดสินใจไปตายเอาดาบหน้าเดินทางเข้าไปในป่าเพียงลำพังจนถึงสำนักบวชของพวกปริพาชกแห่งหนึ่งก็ขอบวช ปริพาชกทั้งหลายก็บวชให้นางครั้นบวชแล้วนางถามอาจารย์ว่า“ ท่านผู้เจริญ อะไรเป็นสูงสุดแห่งบรรพชาของท่าน”ปริพาชกตอบ“แม่นาง บุคลผู้บริกรรมในกสิณ ๑O แล้วยังฌานให้บังเกิดก็ดี รู้วาทะสำหรับโต้วาทีก็ดี ถือเป็นความรู้สูงสดของสำนักเรา”นางแจ้งว่ายังไม่ฌานจะขอเรียนวาทะพันหนึ่งสำหรับโต้วาทีก่อน ปริพาชกจึงประสาทความรู้ให้นางจนสำเร็จแล้วบอกนางว่า“เธอได้เรียนวิชาจนหมดสิ้นแล้วจงเที่ยวไปบนพื้นชมพูทวีปหาคนที่มีความรู้สามารถปะทะคารมกับเธอได้ ถ้าเขาเป็นนักบวชขอให้เธอบวชในสำนักนั้นเถิด”แล้วให้กิ่งหว้าอันเป็นสัญลักษณ์ของเธอเธอจึงได้นามตามกิ่งหว้านั้นว่า“ชัมพุปริพาชิกา”ปรากฏว่าเธอชนะมาตลอด วิธีของเธอคือก่อกองทรายไว้แล้วเอากิ่งหว้าปักเป็นสัญญาณ ถ้าใครจะโต้ตอบถกปัญหากับเธอก็ขอให้เหยียบกิ่งหว้านั้นไว้ แม้วันเวลาล่วงเลยไปจนเธอมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วสารทิศ ไม่มีใครกล้าโต้วาทีกับเธอแล้วเธอก็เดินทางมาถึงกรุงสาวัตถี แคว้นโกศลเธอกระทำเช่นเคยพวกเด็กเห็นกองทรายจึงพากันมองดูแต่ไม่กล้าเล่นเพราะรู้ว่าต้องเป็นของ       นางชัมพุปริพาชิกาแน่ เวลานั้นพระเถระไปบิณฑบาตพอดีเห็นเข้าจึงสั่งเด็กให้เหยียบกิ่งไม้นั้นมีอะไรเกิดขึ้นจะรับผิดชอบเอง นางกลับมาพบพระเถระนางจึงบอกว่าฉันจะถามปัญหาท่าน พระเถระตอบได้สิน้องหญิง  ขอเชิญที่สำนักฉันตอนบ่ายวันนี้นะถึงเวลานัดนางเริ่มถามก่อนไปเรื่อยๆจนครบหนึ่งพันคำถามที่ได้เรียนมา พระเถระถามว่าคำถามมีเท่านี้เท่านี้หรือ? อาตมาถามบ้างนะว่าอะไรชื่อหนึ่ง? นางตอบไม่ได้ท่านบอกว่า“สิ่งที่ชื่อว่าหนึ่ง
ก็คือพุทธมนต์”นางขอร้องให้พระเถระบวชให้เธอพออุปสมบทแล้วภิกษุและภิกษุณีเรียกเธอว่า
“กุณฑลเกสี”เธอบำเพ็ญธรรมไม่กี่วันก็บรรลุเป็นพระอรหันต์พร้อมปฏิสัมภิทา
(ปัญญาอันแตกฉาน) ช่วยเหลือพระพุทธเจ้าและพระเถระเผยแพร่พระพุทธศาสนา
วันหนึ่งพวกภิกษุได้สนทนากันว่าทราบว่าเธอเคยต่อสู้กับโจรจนเอาชนะโจรนั้นได้ด้วยการฆ่า เธอถึงได้มาบวช ผู้ที่ฆ่าคนแล้วยังสำเร็จพระอรหันต์อีกหรือ?พระบรมศาสดาทราบการสนทนานั้นจึงตรัสว่า“พวกเธออย่านับว่าธรรมที่เราแสดงแล้วมากหรือน้อย ผู้ใดกล่าวคาถามากมายแต่ไร้ประโยชน์ บทแห่งธรรมบทเดียวที่ฟังแล้วสงบได้ ประเสริฐกว่าคาถานับร้อยพัน อนึ่งผู้ใดชนะจำนวนมากมายในสงครามหาได้ว่าเป็นยอดแห่งชัยชนะไม่ ส่วนผู้ใดเอาชนะตนเองได้เพียงคนเดียวจึงจะได้ชื่อว่าเป็นยอดแห่งชัยชนะทั้งปวง” (และทั้งกรรมที่ทำก็ไม่ใช่อนันตริยกรรม)
พระกุณฑลเกสีเถรีได้เป็นกำลังสำคัญในการเผยแพร่พุทธศาสนาอยู่นานจนชราภาพแล้วปรินิพพานไปตามอายุขัย


Copyright By : Chalengsak Chuaorrawan Sainampeung School
186 Sukhumwit 22 Sukhumwit RD Khlongtoei Khlongtoei Bangkok Thailand
e-mail address : chalengsak.ch@hotmail.com
Tel; 089-200-7752 mobile
http://www.sainampeung.ac.th