หน้าแรก | ||||||
กลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม |
||||||
สารบัญ | ||||||
พุทธบริษัท 4 | พระปฏาจาราเถรี |
นางปฏาจาราเถรีเป็นธิดาของเศรษฐีอยู่ในกรุงสาวัตถีนางเป็นผู้มีโฉมงามสวยจึงทำให้บิดาและมารดาเป็นห่วงยิ่งนัก จึงให้นางอยู่แต่บนปราสาทชั้นที่ 7 ไม่ให้คบหากับบุคคลภายนอกมีคนคอยรับใช้ทั้งชายหญิงมากหมาย ฝ่ายลูกสาวก็รู้สึกเหมือนว่าตนเองเหมือนติดคุกเพราะไม่มีโอกาสได้ออกเห็นนอกปราสาทเลย ครั้นแล้วนางก็ได้คบรักกับคนใช้จนกระทั่งมีอะไรกันอย่างลับๆ พอบิดามารดาได้รับหมั้นกับชายหนุ่มที่มีฐานะเท่าเทียมกัน เมื่อนางรู้จึงเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาผู้เป็นคนรักแล้วนางจึงพูดว่า ถ้าคุณรักฉันคุณต้องพาฉันหนี ชายหนุ่มผู้เป็นคนรักจึงตอบตกลง จึงวางแผนร่วมกัน โดยให้นางปลอมตัวเป็นคนทาสีเอารำข้าวทาตามตัว แล้วทำผมยุ่งและนุ่งห่มผ้าปอนๆ พอคนใช้เผลอ นางจึงออกมาแล้วรีบเดินตรงไปที่ประตูเมืองเป็นที่ๆ นางนัดกับคนรักไว้ พอเศรษฐีได้รู้ว่าลูกตนเองหนีไปกับคนรักก็ได้แต่เศร้าโศกเสียใจ ชายหนุ่มได้พานางไปอาศัยอยู่ชายแดนแคว้นโกศลประกอบอาชีพทำไร่ไถ่นา นางปฏาจาราเถรีทำงานทุกอย่างที่แม่บ้านที่ต้องทำอย่างไม่ย่อท้อ ต่อมานางปฏาจาราเถรีได้ตั้งท้องจึงบอกกับสามีว่าตนจะไปคลอดที่บ้านบิดามารดาเพราะเป็นสิริมงคลแก่ตน และเด็กที่เกิดใหม่แต่สามีคัดคานเพราะกลัวว่าบิดามารดาของนางจะโกรธและสั่งให้คนโบยจนตายก็ได้ เมื่อนางรู้ว่าสามีไม่ให้ไป เมื่อสบโอกาสพอสามีออกไปทำงานในป่า จึงบอกกับเพื่อนบ้านว่า ถ้าสามีกลับมาให้บอกว่าตนไปคลอดลูกที่บ้านบิดามารดา ฝ่ายสามีพอทราบข่าวก็ออกไปตามนาง ในที่สุดก็ตามไปพบและอ้อนว้อนให้นางกลับมา ให้ขณะนั้นนางก็ปวดท้องคลอดลูก ในที่สุดนางก็คลอดบุตรแล้วนางก็คิดว่าไม่จำเป็นที่ต้องกลับบ้านแล้ว จึงกลับมาบ้านป่า ผ่านไปอีก 1 ปี นางก็ตั้งครรภ์เป็นครั้งที่ 2 และได้อ้อนวอนสามีให้พากลับไปบ้านบิดามารดา แต่สามีนางไม่ยอม นางจึงเอาลูกย้อยหนีกลับไปบ้านบิดามารดา เมื่อสามีกลับมาไม่เห็นลูกและภรรยาจึงออกตามหา เมื่อได้พบนางจึงอ้อนวอนให้กับบ้าน ขณะนั้นเองนางก็เกิดเจ็บท้องคลอดลูกออกมาขณะเดีนวกันก็เกิดฝนตกลงมาอย่างแรงสามีจึงบอกกับภรรยาว่า เดี๋ยวพี่จะไปตัดไม้ที่จอมปลวกเพราะมีใบดกหนาสามารถกันฝนได้ดีให้นางรออยู่ตรงนี้กับลูก พอสามีของนางกำลังตัดจอมปลวกอยู่นั้นก็มีงูเรื่อยออกมางูจึงกัดสามีของนางตาย นางทนไม่ไหวก็ได้คลอดลูกออกมาอย่างทุลักทุเล พอฝนหยุดตกนางกับลูกๆ จึงออกไปตามสามีพบว่าสามีนอนตายตัวเขียว นางร้องไห้แล้วรำพันว่า เพราะความดื้อรั้นของเราแท้ นางตัดสินเดินทางไปบ้านบิดามารดาต่อพอไปถึงแม่น้ำขวางกั้นระหว่างทาง นางไม่มีกำลังเพียงพอที่จะเอาลูกสองคนไปพร้อมกันได้เพราะนางเพิ่งคลอดลูกและกระแสน้ำอันเชี่ยวจึงบอกให้ลูกคนโต รอก่อน แล้วนางก็พอลูกคนเล็กข้ามไปก่อนพอถึงฝั่งนางเอาลูกวางไว้ที่ริมตลิ่ง พอถึงกลางแม่น้ำมีเหยี่ยวตัวหนึ่งบินผ่านมาพอเห็นลูกของนางนึกว่าเป็นเนื้อจึงโฉบเอาลูกของนางไป นางเห็นดังนั้นจึงตบมือตะโกนไล่เหยี่ยว ลูกคนโตเห็นแม่ตบมือนึกว่าเรียกจึงเดินลงน้ำแล้วถูกกระแสน้ำพัดไป นางร้องไห้เสียใจหมดแรงกายแรงใจ นางเดินโซเซแบบหมดอาลัยตายอยากมุ่งหน้าไป เมืองสาวัตถี จุดมุ่งหมายคือบ้านบิดามารดาพอใกล้ถึงบ้าบิดมารดานางจึงถามคนที่เดินสวนมาว่า คุณลุงค่ะรู้จักบ้านเศรษฐีไหมค่ะ ลุงคนนั้นจึงตอบว่า รู้สิรู้จักเป็นอย่างดี เมื่อคืนมีฝนตกหนักมากและพายุก็แรงมันช่างหน้าเศร้าจริงๆ พายุเมื่อคืนนี้แหละ ทำให้ปราสาทของเศรษฐีถล่มลงมาทับเศรษฐีภรรยาและลูกชายตายพร้อมกันทั้งครอบครัวเลย พอนางได้ทราบข่าวร้ายที่สุด แสนสะเทือนใจ นางไม่รูสึกตัวแม้เสื้อผ้าที่ปกปิดร่างกายอยู่นั้น หลุดออกจากร่างกาย นางกลายเป็นคนวิกลจริตไปแล้ว ร้องไห้รำพันเดินเปลือยกายโซซวนไปมา จนกระทั่งมาถึงพระเชตะวันมหาวิหาร ขณะนั้นพระบรมศาสดากำลังเทศนา โปรดพุทธบริษัทอยู่พวกพระพุทธบริษัทก็กีดกันไม่ให้เข้ามา พระผู้มีพระภาคทรงทรงทราบด้วยญาณว่านางทำความดีมาแล้ว จึงตรัสว่าพวกท่านจึงหลีกทางปล่อยให้นางเข้ามา พระองค์ตัดกับนางว่า จงกลับมาได้สติเถิดนางหญิง เมื่อนางได้สติก็รู้ละอายที่ตนอยู่ในสภาพเปลือย นางจึงรีบนั่งลงและขณะนั้นเองมีพุทธบริษัทคนหนึ่งโยนผ้าห่มให้ นางจึงรีบคลุมตัว แล้วนางทูลว่าขอพระองค์เป็นที่พึ่งแก่หม่อมฉันด้วยเถิด พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่าอย่างคิดว่าเลย ปฏาจาราเถรี เธอมาสู่สำนักของผู้ที่สามารถเป็นที่พึ่งพาอาศัยให้เธอได้แล้ว พระพุทธเจ้าตรัสว่า เราไม่ควรประมาท มัวแต่นั่งโศกเศร้าเสียใจซึ่งไม่ก่อผลดีให้แก่ตัวเราเองและผู้ตัวไปแล้ว หลังจากนั้นนางก็อุปสมบทเป็นภิกษุณีก็ได้ตั้งหน้าตั้งตา บำเพ็ญเพียรจนบรรลุเป็นพระอรหันต์ วันหนึ่งนางเอาหม้อน้ำตักล้างเท้า เทน้ำลงไป น้ำไหลไปได้หน่อยหนึ่งแล้วขาดเทลงครั้งที่ 2 น้ำได้ไหลไปไกลกว่าเดิม เทน้ำครั้งที่ 3 น้ำไหลไปไกลกว่าครั้งที่ 2 นางถือเอาน้ำนั้นเป็นอารมณ์ กำหนดวัยทั้ง 3 คือ วัยเด็ก วัยหนุ่มสาว วัยชรา เหมือนเราเทน้ำลงไปครั้งแรกตายตอนเด็กก็มี ตายตอนหนุ่มสาวก็มี ตายตอนแก่ก็มี นางจึงเข้าใจในหลักธรรมและเป็นกำลังสำคัญในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา พระปฏาจาราเถรี ได้รับการยกย่องจากองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ว่า เป็นผู้เคร่งครัดในพระวินัยอย่างยิ่ง ประสบการณ์ชีวิตแต่เบื้องหลังของนาง กลายเป็นประโยชน์ ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา คือ นางเป็นผู้มีประสบการณ์เกี่ยวกับ ความทุกข์โศกของชีวิต เมื่อผ่านพ้นไปแล้ว ก็ได้นำเอาประสบการณ์นั้นมาสอนภิกษุณี และสตรีทั้งหลายได้เป็นอย่างดียิ่ง คุณธรรมที่ควรถือเป็นแบบอย่าง เป็นผู้มีความตั้งใจจริง ทำตามที่ตั้งใจเอาไว้ให้สำเร็จ ตั้งแต่เป็นเด็กสาวแต่เนื่องจากไม่มีประสบการณ์และขาดวิจารณญาณ จึงทำให้เกิดการผิดพลาในชีวิต เมื่อครั้งแต่งงานกับคนที่ตนรัก ไม่ต้องการแต่งงานกับคนที่บิดามารดาหามาให้ แม้จะต้องหนีออกจากบ้านไปอยู่กับคนที่ตนรัก ต่อเมื่อนางได้บวชเป็นภิกษุณีแล้ว นางได้สานต่อความตั้งใจจริงในทางที่ถูกต้อง คือตั้งใจศึกษาพระวินัยให้เชี่ยวชาญ ก็ไม่ลดละความพยายาม นางได้ใช้วิริยะอุตสาหะเป็นอย่างมาก จนสำเรํจสมความปรารถนา ได้รับการยกย่องจากพระพุทธเจ้าให้เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุณีอื่นในด้านนี้ เป็นผู้แนะแนวทางชีวิตที่ดี ชีวิตของพระปฏาจาราเถรี เป็นชีวิตที่มากด้วยประสบการณ์ ได้ผ่านมาทั้งความสุขสมหวังและความทุกข์ ความผิดหวังอย่างสาหัส จนเกือบจะกลายเป็นคนบ้า เมื่อนางได้ผ่านพ้นช่วงวิกฤตแห่งชีวิต เข้าสู่ร่มเงาแห่งพระพุทธศาสนาแล้ว ประสบการณ์เหล่านนั้นกลับเป็นประโยชน์แก่นางและผู้อื่นอย่างมาก จนนางได้รับการยกย่องว่าเป็นครูผู้ยิ่งใหญ่ของพวกเขา |
Copyright By : Chalengsak
Chuaorrawan Sainampeung School 186 Sukhumwit 22 Sukhumwit RD Khlongtoei Khlongtoei Bangkok Thailand e-mail address : chalengsak.ch@hotmail.com Tel; 089-200-7752 mobile |
|
http://www.sainampeung.ac.th |