หน้าแรก
โรงเรียนสายน้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ ฯ
กลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
สารบัญ
พุทธบริษัท 4
พระนางมหาปชาบดีโคตมี

พระนางประชาบดีโคตมีเป็นพระน้าของพระพุทธเจ้าเมื่อพระนางสิริมหามายาสวรรคต พระเจ้าสุทโธทนะได้อภิเษกสมรสกับพระนางประชาบดีโคตมี พระนางได้เป็นแม่เลี้ยงนางนมของเจ้าชายสิทธัตถะครั้นยังทรงวัยเยาว์ หลังจากพระเจ้าสุทโธทนะเสด็จสวรรคตและถวายพระเพลิงพระบรมศพแล้ว พระนางมหาปชาบดีโคตามีได้ทรงเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าซึ่งขณะนั้นประทับอยู่ที่นิโครธาราม เพื่อทูลขอให้สตรีบวชใในพระพุทธศาสนา แต่พระพุทธเจ้าไม่ทรงอนุญาต พระนางอ้อนวอนหลายครั้งแต่พระพุทธเจ้าก็ไม่ทรงอนุญาต จึงทำให้พระนางเสียพระทัยจนกระทั่งกันแสงแล้วเสด็จกลับไป  แล้วพระพุทธเจ้าเสด็จไปยังเมืองเวสาลี และไปประทับที่ป่ามหาวัน ฝ่ายพระนางประชาบดีโคตามีพอเสด็จกลับถึงพระตำหนักก็ทรงตัดสินพระทัยปลงพระเกศาของพระองค์ แล้วทรงผ้ากาสาวพัสตร์อธิฐานเพศเป็นนักบวชจำเพราะพระศาสดา พร้อมด้วยเจ้าหญิงจากศากยวงศ์ (สากิยานี) เป็นจำนวนมาก จากนั้นก็พากันเดินไปเฝ้าพระพุทธเจ้าถึง เมืองเวสาลแล้วพากันประทับยืนกันแสงอยู่ที่ซุ้มประตูป่ามหาวัน พระอานนท์พบเข้าก็ได้สอบถามข้อเท็จจริงแล้วบอกให้พระนางเจ้าพร้อมทั้งสากิยานีรออยู่ที่ซุ้มประตูนั้นก่อน จากนั้นพระอานนท์ ก็เข้าไปกราบทูลให้พระพุทธเจ้าทรงทราบ พระอานนท์กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระนางมหาปชาบดีโคตามีพร้อมด้วยสากินีจำนวนมาก พากันตัดเกศา นุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ยืนกันแสงอยู่ที่ซุ้มพระทวาร มีจิตใจแน่วแน่จะขออุปสมบทในพระธรรมวินัยนี้ ขอพระองค์จงโปรดให้พระนางบวชเถิด แต่พระพุทธเจ้าก็ไม่ทรงอนุญาต  พระอานนท์สงสารและเห็นใจหญิงเหล่านั้น จึงคิดหาเหตุผลที่จะให้พระองค์ทรงอนุเคราะห์สตรีเหล่านั้นจึงทูลถามว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สตรีถ้าบวชได้แล้วจะทำมรรคผลได้สำเร็จหรือไม่?” พระพุทธเจ้าทรงตอบว่า "ได้ " พระอานนท์จึงอ้างเหตุผลที่พระนางมหาปชาปดีโคตามี ซึ่งเป็นน้าของพระพุทธเจ้าได้ทรงเลี้ยงพระองค์ในวัยเยาว์ จึงมีคุณ ฉะนั้นจึงทูลขอให้สตรีบวชได้ พระพุทธเจ้าก็ทรงตรัสว่าถ้าพระนางปชาบดีโคตามียอมรับ ครุธรรม ๘ ประการ ได้ก็จะให้บวช ซึ่งได้แก่
1. นางภิกษุณีแม้บวชนานพรรษา 100 ก็ต้องกราบไหว้พระภิกษุที่บวชแม้ในวันนั้น
2. นางภิกษุณีอย่าพึงอยู่จำพรรษาในอาวาสที่ไม่มีพระภิกษุ
3. นางภิกษุณีต้องหวังธรรม 2 ประการคือ ถามวันอุโบสถ 1 เข้าไปฟังคำสั่งสอนแต่พระสงฆืทุกกึ่ง 1 เดือน
4. นางภิกษุณีอยู่จำพรรษาแล้ว ต้องปวารณาในสงฆ์ 2 ฝ่ายคือ ทั้งในฝ่ายภิกษุณีด้วยกันเองและในฝ่ายภิกษุ
5. นางภิกษุณีต้องอาบัติ(โทษทางวินัย)หนักแล้ว ต้องประพฤติมานัด(กล่าวประจานตน)ในสงฆ์ 2 ฝ่าย เป็นเวลาฝ่ายละ 15 วัน
6. นางภิกษุณีต้องอุปสมบทในสงฆ์ 2 ฝ่าย คือบวชกับภิกษุณีด้วยกันแล้ว ต้องบวชกับภิกษุอีก
7. นางภิกษุณีห้ามด่าหรือแสดงอาการรังเกียจอย่างใดอย่างหนึ่ง
8. ห้ามภิกษุณีว่ากล่าวภิกษุแต่ภิกษุว่ากล่าวนางภิกษุณีได้
ครุธรรมทั้ง ๘ ประการนี้ ภิกษุณีพึงสักการะเคารพตลอดชีวิต พระนางมหาปชาบดีโคตามีทรงยอมรับด้วยความยินดี โดยไม่มีข้อโต้แย้งหรือข้อแม้ใดๆ   ผู้ที่บวชเป็นภิกษุณีนั้นต้องปฏิบัติตนเป็น นางขมานา อย่างเคร่ง ๒ ปี คือ รักษาศีลข้อที่หนึ่ง(งดเว้นจากการฆ่าสัตว์) ถึงข้อที่หก (ไม่รับประทานอาหารตั้งแต่เที่ยงถึงเช้าวันใหม่) ถ้าขาดตกบกพร่องข้อหนึ่งข้อใดก็ให้เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ ซึ่งพระนางก็ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดและปฏิบัติสมณธรรมจนสำเร็จเป็นพระอรหันต์           


Copyright By : Chalengsak Chuaorrawan Sainampeung School
186 Sukhumwit 22 Sukhumwit RD Khlongtoei Khlongtoei Bangkok Thailand
e-mail address : chalengsak.ch@hotmail.com
Tel; 089-200-7752 mobile
http://www.sainampeung.ac.th