หน้าแรก
โรงเรียนสายน้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ ฯ
กลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
สารบัญ
พุทธบริษัท 4
พระเทวทัต
     

พระเทวทัตเป็นเจ้าชายแห่งโกลิยวงศ์ ได้ออกบวชพร้อมกับเจ้าชายศากวงศ์อีก 5 พระองค์ คือ ภัททิยะ อนุรุทธะ อานนท์ ภัคคุ กิมพิละ และสามัญชนอีกคนหนึ่งคือ อุบาลี
ในจำนวนที่บวชพร้อมกันนี้ ท่านภัททิยะได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ในพรรษานั้นเอง และตามด้วยคนอื่น ๆ ส่วนพระเทวทัตได้สำเร็จแค่โลกิยญาณ (คือฤทธิ์ระดับปุถุชนย่อมเสื่อมได้)

                ต่อมาพระพุทธเจ้าเสด็จไปประทับที่กรุงโกสัมพี ชาวเมืองก็พากันนำวัตถุสิ่งของไปถวายเป็นจำนวนมาก เวลาเหล่าประชาชนเหล่านั้นนำสิ่งของไปถวายที่วัด มักจะถามหา พระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ พระมหากัสสปะ หรือไม่ก็พวกที่ออกบวชพร้อมพระเทวทัต แต่ไม่มีใครถามถึงพระเทวทัตเลย จึงทำให้พระเทวทัตเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ จึงคิดร้ายต่อพระพุทธเจ้าและพระสงฆ์สาวกโดยจะไปขออาศัยอำนาจทางการเมืองเข้ามาเสริม จึงเห็นพระเจ้าอชาตศัตรู นี่แหละน่าจะเกลี้ยกล่อมได้ และพระเทวทัตก็ทำสำเร็จ ทำให้พระเจ้าอชาตศัตรูฆ่าพระบิดาแล้วขึ้นครองเป็นกษัตริย์แทน
ส่วนพระเทวทัตก็จะฆ่าพระพุทธเจ้าแล้วปกครองคณะสงฆ์เสียเอง

               วันหนึ่งขณะที่พระบรมศาสดาทรงกำลังแสดงธรรมแก่พระพุทธบริษัทพร้อมด้วยพระราชาในเวฬุวันมหาวิหาร พระเทวทัตก็ขึ้นประนมกราบทูลว่า “ข้าแต่พระภูมิภาคบัดนี้พระองค์ทรงชรามากแล้ว ขอพระองค์ทรงมักน้อยพักผ่อนให้สบาย หม่อมฉันจักบริหารภิกษุสงฆ์แทน พระบรมศาสดาจึงตรัสตำหนิด้วยถ้อยคำที่รุนแรง พร้อมทั้งทรงห้ามว่าอย่าคิดอย่างนี้อีกต่อไป เป็นเหตุให้พระเทวทัตไม่พอใจผูกอาฆาตแล้วหนีไป
พระภูมิภาครับสั่งให้ประกาศถึงพฤติกรรมและแนวคิดของพระเทวทัต จึงทำให้พระเทวทัตยิ่งโกรธมากขึ้น

                เมื่อแผนการของพระเทวทัตในการปลงพระชนม์ของพระพุทธเจ้าขั้นแรก   คือ   จ้างนายขมัง
ธนูลอบสังหารได้ล้มเหลวลง  พระเทวทัตจึงลงมือทำเอง  คือ  แอบขึ้นไปบนยอดเขาคิชฌกูฏ  เพราะพระเทวทัตทราบได้แน่นอนว่า     ขณะนั้นพระพุทธเจ้าเสด็จประทับอยู่เชิงเขาเบื้องล่าง    พระเทวทัตจึงกลิ้งก้อนหินใหญ่ลงมา    หมายให้ทับพระพุทธเจ้า   ก้อนหินเกิดกระทบกันแล้วแตกเป็นก้อนเล็กก้อนน้อย   สะเก็ดหินก้อนหนึ่งกระเด็นปลิวมากระทบพระบาทพระพุทธเจ้า  จนทำให้พระโลหิตห้อขึ้น

แผนการที่สองล้มเหลวลงอีก ต่อมา พระเทวทัตได้แนะนำให้พระเจ้าอชาตศัตรูสั่งเจ้าพนักงาน
เลี้ยงช้างปล่อยช้างดุร้ายออกไล่เหยียบพระพุทธเจ้า   ในขณะที่เสด็จบิณฑบาต  แต่ก็ล้มเหลวลงอีก   เพราะฝูงช้างไม่กล้าทำร้ายพระพุทธเจ้า

ตอนนี้เอง  ความชั่วของพระเทวทัตเป็นข่าวแดงโร่ออกมา  ประชาชนชาวเมืองต่างโจษจันกัน
เซ็งแซ่ว่า  ผู้จ้างนายขมังธนูก็ดี  ผู้กลิ้งก้อนหินกระทบพระบาทพระพุทธเจ้าก็ดี  ผู้ปล่อยกระบวนช้างก็ดี   แม้ที่สุดพระเจ้าพิมพิสารที่เสด็จสวรรคตก็ดี   เป็นแผนการของพระเทวทัตทั้งสิ้น   

                หลังจากนั้นพระพุทธเจ้าจึงตรัสชาดกให้แก่พระสงฆ์สาวกฟัง ซึ่งล้วนแต่เป็นอักกตัญญู พวกศิษย์จึงนำพระเทวทัตขึ้นนอนบนเตียงเล็กๆ แล้วนำไปเฝ้าพระภูมิภาค เมื่อหามพระเทวทัตมาถึงริมฝั่งน้ำแล้ววางลงเพื่อจะสรงน้ำที่สระ พระเทวทัตก็ลุกจากเตียง แล้วนั่งวางเท้าทั้งสองบนแผ่นดิน ก็ถูกแผ่นดินสูบเท้าทั้งสองนั้นก็จมลงดิน แล้วค่อยๆ จมลงไปทีละน้อย ครั้นเมื่อพระเทวทัตถูกแผ่นดินสูบแล้ว ประชาชนต่างพากันรื่นเริงยินดี มีการเฉลิมฉลองกันเป็นงานใหญ่ภิกษุจึงทูลถามพระพุทธเจ้าว่า “พระเทวทัตไปเกิดที่ไหน” พระพุทธจึงตรัสว่า “ในอเวจีมหานรก" ภิกษุจึงทูลถามต่อไปว่า “พระเทวทัตประพฤติตนได้รับความเดือดร้อนในโลกนี้ แล้วยังไปเกิดในสถานที่เดือดร้อนอีกหรือ” จึงตรัสว่า อย่างนั้นแหละภิกษุทั้งหลาย บรรพชิตก็ตาม คฤหัสถ์ก็ตาม อยู่ด้วยความประมาท ย่อมเดือดร้อนทั้งสองโลกทีเดียว


Copyright By : Chalengsak Chuaorrawan Sainampeung School
186 Sukhumwit 22 Sukhumwit RD Khlongtoei Khlongtoei Bangkok Thailand
e-mail address : chalengsak.ch@hotmail.com
Tel; 089-200-7752 mobile
http://www.sainampeung.ac.th