ในพุทธานุพุทธประวัติมีพุทธบริษัทชื่อ มหานามะ อยู่ 2 คน คนหนึ่งเป็นเจ้าชายแห่ง ศากยวงศ์ได้หญิงรับใช้เป็นภรรยา
มีบุตรีคนหนึ่งซึ่งนางได้แต่งงานกับพระเจ้าปเสนทิโกศลและมีพระโอรสด้วยกันชื่อว่า วิฑูฑภะ ต่อมาถูกพวกศากยวงศ์ดูถูกว่า
มีเชื้อสายของคนใช้ ด้วยอารมณ์โกรธจึงฆ่าพวกศากยวงศ์ล้างเผ่าพันธุ์ และทำรัฐประหารพระเจ้าปเสนทิโกศลแล้วขึ้นครองราช
บันลังก์สืบต่อมา มหานามะอีกคนมีบิดาซึ่งเป็นหนึ่งในพราหมณ์ทั้ง 8 คนที่เป็นผู้ทำนายว่าพระพุทธเจ้าเป็นผู้มีลักษณะ
ถูกต้องตามโหราศาสตร์ทำให้ตนเกิดความนับถือ เมื่อพระพุทธเจ้าออกบวชและบำเพ็ญทุกกรกริยา มหานามะพร้อมด้วยพราหมณ์อีก 4
คน โดยมีโกณฑัญญะเป็นหัวหน้าได้ออกติดตามรับใช้พระพุทธเจ้าเพราะหวังว่าเมื่อพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้คงจะสอนธรรมแก่พวกตนบ้าง ภายหลังพระพุทธเจ้าทรงเลิกบำเพ็ญทุกกรกริยาและหันมาบำเพ็ญเพียรทางจิตแทน พราหมณ์ทั้ง ๕ คน คิดว่าพระพุทธเจ้าล้มเลิกความตั้งใจแล้วจึงเกิดความเหนื่อยหน่ายที่จะรับใช้พระพุทธเจ้าต่อจึงพากันแยกย้ายไปอยู่ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณาสี การที่พราหมณ์ทั้งหมดหนีไปนั้นกลับเป็นประโยชน์แก่พระพุทธเจ้าทำให้จิตเกิดสมาธิได้ง่าย เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วก็ทรงแสดงธรรมแก่พราหมณ์ทั้งห้าเริ่มจากโกณฑัญญะ วัปปะ ภัททิยะ ท่านอัสสชิ และมหานามะตามลำดับ จนทั้งห้าได้ดวงตาเห็นธรรมและได้อุปสมบทเป็นภิกษุ
ต่อมาพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมพระเทศนา เพื่อให้พระสาวกทั้งห้าหลุดพ้นจากกิเลส
อาสวะทั้งปวง ทรงแสดงขันธ์ 5 ที่มีใจความดังนี้
รูป คือ ร่างกายที่สามารถมองเห็นสัมผัสได้
เวทนา คือ ความรู้สึกรู้ทุกข์หรือไม่สุขไม่ทุกข์
สัญญา คือ ความจำได้หมายรู้
สังขาร คือ สภาพที่ปรุงแต่งจิตให้เกิดความรู้สึกดีบ้างชั่วบ้าง
วิญญาณ คือ จิตที่รับรู้สิ่งต่างๆ
ขันธ์ทั้ง 5 นี้เป็น อนัตตา ไม่ใช่ตัวตน ทรงสอนให้ปัญจวัคคีย์พิจารณาแยกกายใจออกเป็นขันธ์ 5 ตามแนวทางวิปัสสนา แล้วทรงถามถึงขันธ์ 5 ว่าเที่ยงหรือไม่เที่ยงและทุกข์หรือสุข ภิกษุทั้งห้าต่างพร้อมใจกันตอบว่าไม่เที่ยงและทุกข์ จึงทรงแสดงธรรมต่อว่าในเมื่อขันธ์ 5 เป็นสิ่งไม่เที่ยงแล้วไม่ควรยึดมั่นว่าเป็นของเรา ระหว่างที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมนั้นภิกษุทั้งห้าก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์
พระมหานามะนั้นได้ไปอยู่ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวันพรรษาหนึ่งจนมีพระสงฆ์เพิ่มขึ้นอีก 60 องค์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงส่งพระสงฆ์ทั้งหมดไปเผยแผ่ศาสนารวมถึงตัวพระมหานามะเองด้วย ท่านดำรงชีวิตอยู่พอสมควรก่อนจะนิพพาน
|