หน้าแรก | โรงเรียนสายน้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ ฯ |
|
กลุ่มสาระสังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม
|
||
สารบัญ | ||
การคลัง Public Finance |
||
หน่วยที่ 6 | การคลังและนโยบายการคลัง การคลังกับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ | |
6.1 การคลัง | ||
การคลัง Public Finance หมายถึง การจัดหารายได้ การใช้จ่ายและการจัดการเกี่ยวกับหนี้สินของรัฐบาล รัฐบาลมีหน้าที่ในการบริหารกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศ ให้มีความเจริญก้าวหน้า โดยทำให้เศรษฐกิจมีการขยายตัวอย่างสม่ำเสมอ เมื่อเศรษฐกิจมีการขยายตัว รัฐบาลก็สามารถกระจายรายได้ให้กับประชาชนได้อย่างเป็นธรรม เพื่อที่รัฐจะมีรายได้เป็นค่าใช้จ่าย ในการพัฒนาประเทศในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคมรวมทั้งการป้องกันและรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ |
||
การคลังสาธารณะ public finance หมายถึง กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับรายรับ และรายจ่ายของรัฐบาลเพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจ | ||
รายรับของรัฐบาล | ||
รายรับของรัฐบาล government revenue รัฐบาลจำเป็นต้องมีรายได้เพื่อนำ มาใช้จ่ายในการบริหารประเทศ รัฐบาลจึงมีอำนาจในการแสวงหารายได้มาใช้จ่ายในลกัษณะต่าง ๆ รายได้ จึงมีความสำคัญต่อความเป็นไปทางเศรษฐกิจของประเทศและการดำเนินงานของรัฐบาล รายรับของ รัฐบาลจำแนกตามแหล่งที่มาเป็น 3 ประเภท | ||
1. รายได้ แบ่งเป็น 2 ประเภท คือรายได้จากภาษีอากรและรายได้ที่ไม่ใช่ภาษีอากร รายได้ จากภาษีอากรถือเป็น รายได้หลักของรัฐบาลไทย ประกอบไปด้วยภาษี ทางอ้อมที่มาจากภาษีการค้าและภาษีสรรพสามิต และจากภาษีทางตรงที่มาจากภาษีนิติบุคคลและ ภาษีบุคคลธรรมดา ส่วนรายได้ที่ไม่ใช่ภาษีอากร มาจากการขายสิ่งของหรือบริการของทางราชการ รายได้จากรัฐพาณิชย์และรายได้อื่นๆ | ||
1.1. รายได้จากภาษีอากร | ||
1. ภาษีทางตรง Direct Tax ไม่สามารถผลักภาระภาษีไปให้ผู้อื่นได้ เป็นภาษีที่เก็บจากฐานรายได้และทรัพย์สิน เช่น ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมรดก |
||
2. ภาษีทางอ้อม Indirect Tax สามารถผลักภาระภาษีไปให้ผู้อื่นได้ เป็นภาษีที่เก็บจากฐาน การใช้จ่ายหรือการซื้อขาย เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีศุลกากร ภาษาสรรพสามิต ภาษีการค้า |
||
โครงสร้างอัตรภาษี | ||
1. อัตราภาษีแบบก้าวหน้า คือ อัตราภาษีที่จัดเก็บหลายอัตรา โดยอัตราภาษีจะสูงขึ้นเมื่อฐานภาษีสูงขึ้น เช่น ภาษีรายได้บุคคลธรรมดา | ||
2. อัตราภาษีแบบคงที่ คือ อัตราภาษีที่จัดเก็บเท่ากันโดยไม่คำนึงถึงขนาดของฐานภาษี เช่น ภาษีดอกเบี้ยเงินฝากประจำ |
||
3. อัตราภาษีแบบถอยหลัง คือ อัตราภาษีที่จัดเก็บหลายอัตรา แต่อัตราภาษีจะต่ำลงเมื่อฐานภาษีสูงขึ้น | ||
1.2. รายได้จากการขายสิ่งของและบริการของรัฐบาล | ||
ได้แก่ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ค่าเช่าทรัพย์สิน ค่าขายอสังหาริมทรัพย์ ค่าขายผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ ค่าขายหนังสือราชการ และค่าขายของกลางที่ยึดได้ในคดีอาญา | ||
1.3. รายได้จากรัฐพาณิชย์ | ||
ได้แก่ รายได้จากผลกำไร เงินปันผลที่ได้จากองค์กรของรัฐหรือกิจการที่เป็นของรัฐ หรือมีหุ้นส่วน | ||
1.4. รายได้อื่น ๆ | ||
ได้แก่ ค่าแสตมป์และค่าปรับต่าง ๆ | ||
2. เงินกู้ หมายถึง เงินที่รัฐบาลกู้มาใช้จ่ายในการบริหารและพัฒนาประเทศ โดยกู้จาก แหล่งภายในประเทศได้แก่ธนาคารกลาง ธนาคารออมสิน ธนาคารพาณิชย์หรือกู้จากประชาชน โดยการขายพันธบตัร เป็นต้น และแหล่งภายนอกประเทศเช่น ธนาคารโลกธนาคารพัฒนาแห่งเอเชียจากรัฐบาลต่างประเทศ หรือสถาบันการเงินจากต่างประเทศ | ||
เงินกู้ของรัฐบาล หรือ หนี้สาธารณะ Public Debt | ||
หนี้สาธารณะ หมายถึง การกู้ยืมเงินของรัฐบาล เมื่อรัฐบาลมีรายได้ไม่มีเพียงพอกับรายจ่ายจึงจำเป็นที่จะต้องกู้เงินมาเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ของรัฐบาล | ||
ประเภทของหนี้สาธารณะ | ||
1. ตามระยะเวลาของการกู้ยืม |
||
ก. การกู้ระยะสั้น คือ การกู้ที่มีกำหนดการชำระคืนเงินต้นภายในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี อาทิ ตั๋วเงินคลัง | ||
ข. การกู้ระยะปานกลาง คือ การกู้ที่มีกำหนดการชำระคืนภายในระยะเวลา 2-5 ปี อาทิ ตั๋วกระทรวงการคลัง | ||
ค. การกู้ระยะยาว คือ การกู้ที่มีกำหนดระยะการชำระคืนตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป อาทิ การขายพันธบัตรรัฐบาล | ||
2. ตามแหล่งที่มาของเงินกู้ | ||
ก. หนี้ภายในประเทศ | ||
ข. หนี้ภายนอกประเทศ | ||
ก. หนี้ภายในประเทศ คือ การกู้ยืมเงินจากประชาชนและสถาบันการเงินต่าง ๆ ภายในประเทศ ในรูปของพันธบัตรรัฐบาล และหลักทรัพย์ของรัฐบาลทั้งในระยะสั้นและยาว | ||
ข. หนี้ภายนอกประเทศ เป็นการกู้โดยตรงของรัฐบาล หรือรัฐวิสาหกิจเป็นผู้กู้ โดยมีรัฐเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ เช่น กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ธนาคารระหว่างประเทศเพื่อการบูรณะและพัฒนา (IBRD) หรือธนาคารโลก (World Bank) โครงการเงินกู้ ADB หรือ ธนาคารพัฒนาเอเซีย |
||
3. เงินคงคลัง เป็นเงินที่เหลือจากการใช้จ่ายปีก่อน ๆ ซึ่งรัฐบาลเก็บสะสมไว้และสามารถยืมมาใช้ในปีที่รายจ่ายสูงเกินกว่ารายได้ และรัฐบาลไม่ต้องการก่อหนี้เพิ่มขึ้น แต่รัฐบาลจำเป็นต้องใช้เงินคงคลังที่ยืมมาใช้จ่ายในปีต่อไป | ||
ดังนั้นภาครัฐจึงเป็นหน่วยเศรษฐกิจ ที่มีรายได้และรายจ่าย ประกอบกันเป็นบัญชีของหน่วยรัฐบาล ในแต่ละปีของการบริหารประเทศ รัฐบาลจะต้องวางแผนในการใช้จ่ายเงิน เรียกว่า "งบประมาณ " การใช้จ่ายเงินของรัฐอาจมีการใช้จ่ายเงินเกินรายได้หรือน้อยกว่ารายได้ก็ได้ เราเรียก รายได้สุทธิ ซึ่งเท่ากับ | ||
รายได้ของรัฐบาลหักด้วยรายจ่ายของรัฐบาลว่า "ดุลงบประมาณ" ซึ่งมีลักษณะดังนี้ | ||
1. ดุลงบประมาณสมดุล เกิดขึ้นเมื่อ รายได้ของรัฐบาล เท่ากับ รายจ่ายของรัฐบาล | ||
2. ดุลงบประมาณเกินดุล เกิดขึ้นเมื่อ รายได้ของรัฐบาล มากกว่า รายจ่ายของรัฐบาล | ||
3. ดุลงบประมาณขาดดุล เกิดขึ้นเมื่อ รายได้ของรัฐบาล น้อยกว่า รายจ่ายของรัฐบาล | ||
ในการบริหารประเทศของรัฐบาลเกี่ยวกับงบประมาณของประเทศ ที่เกิดขึ้น อาทิ | ||
ดุลงบประมาณขาดดุล แสดงว่ารัฐบาลมีรายจ่ายเกินรายได้ รัฐต้องหาเงิน อาจทำได้โดย รองบประมาณปีหน้า หรือ ต้องกู้เงินจากแหล่งต่างๆ เช่น กู้จากประชาชน โดยออกพันธบัตรมาขายกับประชาชน ซึ่งดุลงบประมาณที่เกิดขึ้นนี้ มีผลโดยตรงต่อหนี้รัฐบาล ซึ่งเรียกว่า หนี้สาธารณะ ถ้ารัฐบาลประสบปัญหาขาดดุลงบประมาณอยู่เรื่อยๆ หนี้สาธารณะจะเพิ่มขึ้น รัฐบาลก็ต้องหาเงินมาใช้หนี้อีกจะทำให้เกิดปัญหาในการบริหารเศรษฐกิจของประเทศ แต่ถ้ารัฐบาลมีรายจ่ายน้อยกว่ารายได้ ที่เรียกว่า ดุลงบประมาณเกินดุล รัฐบาลจะมีเงินเหลือสะสมไว้เป็นเงินออม เรียกว่า เงินคงคลัง | ||
ในการบริหารประเทศเกี่ยวกับการใช้จ่าย เกิดหนี้สาธารณะมากเกินไปก็ไม่ดี หรือ มีเงินเหลือเก็บเข้าคงคลังมากไปก็ไม่ดีเพราะไม่ได้ใช้จ่ายเงินให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการพัฒนาประเทศ | ||
รัฐบาลมีทางเลือกอะไรบ้างเมื่อเกิดภาวะงบประมาณเกินดุลมาก | ||
1. เพิ่มรายจ่ายเป็นงบประมาณเพิ่มเติมในปีงบประมาณถัดไป 2. ลดภาษี เพื่อไม่ให้รายรับของรัฐมีมากเกินไป 3. เก็บออมไว้ สำหรับใช้ในอนาคต 4. จ่ายคืนหนี้เงินกู้ของรัฐบาล เพื่อลดภาระของประชาชนในอนาคต |
||
รัฐบาลมีทางเลือกอะไรบ้างเมื่อเกิดภาวะงบประมาณขาดดุลมาก | ||
1. ชะลอการใช้จ่าย หรือลดงบประมาณรายจ่ายที่ไม่จำเป็นมากนักในปีถัดไป 2. เพิ่มภาษี เพื่อให้รัฐมีรายได้เพียงพอกับการจ่าย 3. นำเงินคงคลังบางส่วนมาใช้ถ้ามีความจำเป็น 4. ก่อหนี้เพิ่ม เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ถ้าประชาชนในอนาคตมีความสามารถในการเสียภาษีสูง |
||
Copyright By : Chalengsak
Chuaorrawan Sainampeung School 186 Sukhumwit 22 Sukhumwit RD Khlongtoei Khlongtoei Bangkok Thailand e-mail address : chalengsak.ch@hotmail.com Tel; 089-200-7752 mobile |
|
http://www.sainampeung.ac.th |