เศรษฐกิจพอเพียง
หน้าแรก
โรงเรียนสายน้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ ฯ
กลุ่มสาระสังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม
สารบัญ
 
โครงสร้างของเศรษฐกิจไทย
หน่วยที่ 4 เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาเศรษฐกิจของไทย  
  4.2 โครงสร้างเศรษฐกิจไทย  
     
            ลักษณะโครงสร้างเศรษฐกิจไทยได้เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตมาก ตามแนวทางของระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมหรือเสรีนิยมที่เน้นเรื่องความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นหลัก รัฐบาลจึงต้องกำหนดยุทธศาสตร์ นโยบาย และมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน  
     
            ระบบเศรษฐกิจของไทยได้เน้นการเจริญเติบโตและการขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็นหลัก     ทำให้ต้องพึ่งพาการส่งออก นำเข้า และการเงินระหว่างประเทศ เพื่อเร่งการลงทุนและการผลิตในประเทศ และใช้ปัจจัยการผลิตและทรัพยากรธรรมชาติอย่างไร้ประสิทธิภาพ โดยไม่มีการผลิตทดแทนทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลนตามมา ถึงแม้ไทยจะประสบผลสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับหนึ่ง แต่ก็ประสบปัญหาการกระจายรายได้ที่ไม่เป็นธรรม ปัญหาความยากจนของประชาชนที่ไม่ได้รับส่วนแบ่งในผลประโยชน์ของการพัฒนา รัฐบาลจึงต้องเข้ามาหาแนวทางแก้ไขปัญหา เพื่อให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจแบบสมดุลและยั่งยืนในระยะยาว  
     
 

           เศรษฐกิจไทยในอดีตขยายตัวจากกระบวนการพัฒนาโครงสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยมีการจัดสรรแรงงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดความเชื่อมโยงในระดับกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินธุรกิจมาโดยตลอด   เมื่อมองไปข้างหน้า เศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญความท้าทายหลายประการ  เช่น การก้าวเข้าสู่ภาวะสังคมสูงวัยที่ประชากรขยายตัวลดลงและมีผู้สูงอายุมากขึ้น  จึงอาจขาดความคล่องแคล่วและปรับตัวได้ช้าลง และการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างรุนแรงที่ทำให้แรงงานที่ไม่มีทักษะเพียงพอต้องได้รับผลกระทบ

 
     
            การปฏิรูปเฉพาะด้านโครงสร้างเศรษฐกิจแต่เพียงอย่างเดียว ยังไม่เพียงพอ ประเทศไทยยังจําเป็นต้องปฏิรูปโครงสร้างด้านสังคม การศึกษา กฎหมาย และความมั่นคง ของประเทศเพิ่ มเติมด้วย ซึ่งจะสําเร็จได้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนของไทย ทั้งจากภาครัฐและ ภาคเอกชน โดยการทําตามหน้าที่ บทบาทของตนเอง เพื่อนําพาประเทศไทยให้สามารถรองรับความเปลี่ยนแปลง ที่เกิดขึ้น และขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่ "ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน” ได้อย่างแท้จริง  
     
  การเกษตรกับปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง  
     
             แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง มีประโยชน์ต่อเกษตรกรอย่างมาก เพราะพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานแนวคิดที่เรียกว่า "เกษตรทฤษฎีใหม่" เกี่ยวกับการจัดพื้นที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยและมีชีวิตอย่างยั่งยืน โดยมีแบ่งพื้นที่เป็นส่วน ๆ ได้แก่ พื้นที่น้ำ พื้นที่ดินเพื่อเป็นที่นาปลูกข้าวพื้นที่ดินสำหรับปลูกพืชไร่นานาพันธุ์ และที่สำหรับอยู่อาศัยและเลี้ยงสัตว์ ในอัตราส่วน 30:30:30:10    อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนดังกล่าว เป็นสูตรหรือหลักการโดยประมาณเท่านั้น   สามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม โดยขึ้นอยู่กับสภาพของที่ดิน ปริมาณน้ำฝนและสภาพแวดล้อม เป็นหลักการในการบริหารการจัดการที่ดินและน้ำ เพื่อการเกษตรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด 3 ขั้น ดังนี้  
 
 
  ขั้นที่ 1 ทฤษฏีใหม่ขั้นต้น : การจัดสรรพื้นที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน  
               เป็นการผลิตแบบพึ่งตนเองด้วยวิธีง่ายๆ ค่อยเป็นค่อยไปตามกำลัง พอมีพอกินไม่อดอยาก  เป็นการผลิตอาหารเพื่อการบริโภค ที่เหลือจึงเอาไว้ขาย เนื่องจากปัญหาของเกษตรกร มักเกิดจาก ภัยธรรมชาติ น้ำท่วม หรือ การขาดแคลนน้ำ เกษตรกรส่วนใหญ่อาศัยอยู่นอกเขตการชลประทาน จึงต้องอาศัยน้ำฝนจากธรรมชาติ ดังนั้น จึงต้องวางแผนแก้ปัญหา ความไม่มั่นคงทางด้านอาหารก่อนโดยเน้นให้แต่ละครอบครัวมีแหล่งอาหาร โดยเฉพาะข้าว ให้พอต่อการบริโภคก่อน แล้วจัดสรรพื้นที่ให้ทำอย่างอื่นต่อ อาทิ บ่อเลี้ยงปลา และใช้น้ำ ในการเพาะปลูก พืชสวนครัว พืชไร่ ไม้ยืนต้น เลี้ยงสัตว์ เพื่อเป็นรายได้เสริมและลดค่าใช้จ่ายของครัวเรือน  
     
  ขั้นที่ 2 ทฤษฏีใหม่ขั้นกลาง  
                เป็นการรวมกลุ่มกันของเกษตรกร ในรูปกลุ่มหรือสหกรณ์ ร่วมแรง ในเรื่องของการผลิต จำหน่าย การตลาด การเป็นอยู่ สวัสดิการ การศึกษา สังคม และศาสนา จัดตั้งและบริการ ร้านค้าสหกรณ์ ช่วยกันลงทุนช่วยกันพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในชนบท  
     
  ขั้นที่ 3 ทฤษฎีใหม่ขั้นก้าวหน้า
 
 

              เป็นการร่วมลงทุนและพัฒนา ร่วมมือกับแหล่งเงินและพลังงาน ซึ่งมิใช่ทำอาชีพด้านการเกษตรเพียงอย่างเดียว อาจร่วมกับองค์กรหรือภาคเอกชนภายนอก โดยให้กลุ่ม หรือ สหกรณ์ในชุมชนติดต่อประสานงาน กับ องค์กรหรือ ภาคเอกชน หรือ สถานบันการเงิน หรือ แหล่งพลังงาน เพื่อระดมทุนขยายกิจการให้ก้าวหน้า เป็นการขายตรงสู่มือผู้บริโภคโดยไม่ผ่านคนกลาง เกษตกรสามารถซื้อเครื่องอุปโภค บริโภคได้ในราคาต่ำเพราะรวมกันซื้อครั้งละมาก ๆ รวมกันผลิตพร้อมจำหน่ายสู่ตลาดภายนอก

 
     
  การอุตสาหกรรมกับปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง  
     
 

การนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาประยุกต์ใช้ ในธุรกิจภาคอุตสาหกรรมนั้น ไม่เพียงแต่ไม่ขัดกับการทำธุรกิจเพื่อการแข่งขันหรือแสวงหาผลกำไรแล้ว ยังก่อให้เกิดความเจริญอย่างมีระบบและยังยื่นในระยะยาว ที่มีความเสี่ยงอย่างมากในยุคโลกาภิวัตน์

 
     
            ปัจจุบันมีการติดต่อสื่อสารที่ไร้พรมแดนพร้อมกับความเจริญทางด้านเทคโนโลยี ข่าวสารทั่วทุกมุมโลกหลั่งไหลเข้ามา ทำให้การดำเนินชีวิตของคนไทยเปลี่ยนไป ดังนั้น เราสามารถนำหลักปรัขญาของเศรษฐกิจพอเพียง มาใช้ได้บนทางสายกลางอยู่ในความพอดี พอประมาณ ใช้ความรู้อย่างมีเหตุผลในการทำธุรกิจ พึ่งตนเอง มีภูมิต้านทานต่อการเปลี่ยนแปลง โดยไม่เอาเปรียบสังคมดังนี้
 
     
            1. ประกอบธุรกิจบนหลักการของความพอประมาณ ความมีเหตุมีผล การมีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี ใช้ความรู้และคุณธรรม ทำธุรกิจให้มีกำไรอย่างเหมาะสม แบ่งปันผลกำไรส่วนหนึ่ง ในการพัฒนาองค์กรและบุคคลากรให้เจริญก้าวหน้า ตลอดจนการสร้างประโยชน์คืนสู่สังคมและรักษาสิ่งแวดล้อม
 
     
            2. ผลิตสินค้าตามกำลัง  หน่วยธุรกิจต้องคำนึงถึงความเสี่ยงในการลงทุนหรือขยายกิจการ การกู้เงินจากสถาบันการเงิน ให้พิจารณาอย่างรอบคอบว่า มีความสามารถในการชำระหนี้ เพื่อให้กิจการค่อยๆ เจริญเติบโตอย่างมั่นคง
 
     
            3. ต้องมีวิสัยทัศน์ ติดตามข่าวสารสถานการณ์ทั้งภายในและภายนอกประเทศ เกี่ยวกับสินค้าและบริการ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจขององค์กร จะมีทิศทางอย่างไร เพื่อนำข้อมูลมาบริหารองค์กรให้มีความมั่นคง ยั่งยืนและเจริญก้าวหน้าต่อไป
 
     
           4. ยึดหลักคุณธรรม ผลิตสินค้าและบริการให้ได้มาตรฐาน เหมาะสมทั้งราคา ปริมาณ คุณภาพและการโฆษณา ตามที่ประกาศไว้บนฉลาก โดยการดำเนินธุรกิจภายใต้ คุณธรรม จริยธรรม บนพื้นฐานทางสังคมและสิ่งแวดล้อม
 
     
            5. สร้างสมดุลทางด้านเศรษฐกิจสังคมและสิ่งแวดล้อม ภายใต้กรอบแนวคิดของการพัฒนาอย่างยั่งยืน Sustainable Development และกำหนดเป้าหมายของธุรกิจให้เป็นอุตสาหกรรมเชิงนิเวศอย่างเป็นรูปธรรม  
     
Copyright By : Chalengsak Chuaorrawan Sainampeung School
186 Sukhumwit 22 Sukhumwit RD Khlongtoei Khlongtoei Bangkok Thailand
e-mail address : chalengsak.ch@hotmail.com
Tel; 089-200-7752 mobile
http://www.sainampeung.ac.th